ขอเพียงแค่เราต้องการ เราทุกคนล้วนสามารถทำอะไรอะไรหลายๆอย่างให้แก่คนอื่น แก่ชุมชนได้ ในฐานะที่อยู่ในสายวิชาการ และมีพื้นเพมาจากชุมชนชนบท เมื่อผมมีโอกาสได้เห็นสังคมภายนอกได้เรียนรู้ในความต่างความเหมือนแล้ว ผมมีความประสงค์ที่จะเข้าไปมีส่วนรับรู้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับชุมชน หาแนวทางลดช่องว่างทางความคิดระหว่างคนที่มีภูมิหลังและประสบการณ์ต่างกัน อยากมีส่วนช่วยเพิ่มโอกาสให้เด็กในชนบทได้มีโอกาสรับรู้เรียนรู้มากขึ้นเพราะผมพอจะทราบว่าคนในชนบทกับคนเมืองหรือคนจนกับคนรวยนั้นต้นทุนห่างกันเพียงใด นั่นเป็นเหตุผลที่ผมมักกลับไปที่หมู่บ้านที่ผมจากมา (บ้านเหล่าเสือโก้ก)โดยไปสอนเด็กๆแบบให้เปล่าในวันหยุดเท่าที่เวลาจะอำนวยมากว่าสี่ห้าปีแล้ว บางครั้งผมก็พานักศึกษาที่เต็มใจไปช่วยไปร่วมกิจกรรมกับเด็กๆ บางครั้งก็เชิญแขกชาวต่างชาติไปบ้างตามโอกาส อาจจะทำไม่ได้มากมายแต่ผมก็สุขใจที่ได้ทำ ผมอยากทำให้มากขึ้น แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้าง เมื่อทำมาได้ระยะหนึ่งแล้วจึงตัดสินใจบอกกล่าวให้คนทั่วไปได้รับรู้ผ่าน Blog นี้ เผื่อจะมีโอกาสทำให้ได้ดีขึ้น มากขึ้น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่ที่แรงสนับสนุน หากท่านเป็นคนหนึ่งที่พอจะเห็นในเจตนาอันบริสุทธิ์นี้และอยากมีส่วนร่วมโปรดอย่าลังเลที่จะติดต่อผมได้ที่ meteekns79@gmail.com หรือแสดงความคิดเห็นให้คำแนะนำมาที่ Blog นี้

Tuesday, December 15, 2009



ผมชื่อเมธี แก่นสาร์ ลูกชาวนาจนๆจากบ้านเหล่าเสือโก้ก อำเภอเหล่าเสือโก้ก จังหวัดอุบลราชธานีที่โชคดีมีโอกาสได้รับการพัฒนาตนเองทางด้านการศึกษา โดยได้รับปริญญาบัตรใบแรกจาก มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร กรุงเทพ และใบสุดท้าย ปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัย บอลเสตท รัฐอินเดียน่า สหรัฐอเมริกา ปัจจุบันเป็นอาจารย์ประจำที่คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
ความที่ผมมาจากชนบทและไม่เคย
Meteekansa.blogspot.com) ก็เพื่อสื่อถึงเพื่อนร่วมทาง ผู้ที่มีความคิดคล้ายกัน มีความเข้าใจและปรารถนาจะมีส่วนร่วมหรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นประสบการณ์ จะได้มีโอกาสให้คำแนะนำหรือให้การสนับสนุนได้ตามสมควร ฉะนั้นหากท่านเป็นผู้หนึ่งที่เห็นด้วยในแนวคิดนี้โปรดอย่าลังเลที่จะมีส่วนร่วม แม้อาจเพียงให้กำลังใจด้วยความคิดข้อเสนอแนะ (ผ่าน e-mail meteekns79@gmail.com หรือผ่าน Blog) ก็มีความหมายยิ่งและเป็นจุดเริ่มต้นที่สวยงามแล้วกับการทำอะไรดีๆร่วมกัน
ลืมภูมิหลังของตนเองผมจึงมักถึงชุมชนชนบทเสมอ ผมมีความคิดว่า ปัจจุบันแม้ชุมชนในชนบทจะเปลี่ยนไป มีความสะดวกมากขึ้น แต่ก็ยังขาดการไหลกลับไปของความคิดและวิชาการอยู่ไม่น้อย ความเจริญที่พอจะกลับไปบ้างส่วนมากจะเป็นด้านถาวรวัตถุเช่น น้ำไฟ ถนนหนทาง โบสถ์ ศาลาการเปรียญ เด็กๆในชนบทยังขาดผู้นำทางความคิด แบบอย่างที่ดีในเรื่องการพัฒนาตนเองด้วยความบากบั่น เชื่อมั่นในความพยายามและคุณความดี สิ่งนี้ทำให้ผมพยายามหาแนวทางในการนำวิชาการสานชุมชน โดยไปสอนให้เปล่าให้กับเด็กๆในหมู่บ้าน และแลกเปลี่ยนแนวคิดกับชุมชนเมื่อมีโอกาส ชักชวนลูกศิษย์ในมหาวิทยาลัยที่สนใจและเต็มใจไปช่วยงานสอนเด็กๆ รวมทั้งเชิญชาวต่างชาติไปพบเด็กๆบ้างเป็นครั้งคราวตามที่เวลาจะอำนวย
ด้วยกำลังและความสามารถอันน้อยนิด ผมยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้มากมาย แต่ก็สุขใจที่ได้ทำและจะทำต่อไป ที่ประชาสัมพันธ์ บอกเล่าเรื่องของตนเองผ่านหนังสือ ผ่านบล็อก (

No comments:

Post a Comment