ก็รับฟังนะ ไม่ใช่ไม่รับฟัง และรู้สึกขอบคุณที่บอกในสิ่งที่คิด แต่พระพุทธองค์ก็บอกว่า อย่าเชื่ออะไรง่ายๆ จนกว่าจะได้ใช้ปัญญาพินิจพิจารณาและที่สำคัญได้ลงมือปฏิบัติพิสูจน์จนได้ประจักษ์ผลรู้แจ้งด้วยตนเอง แล้ว ท่านก็บอกอีก และเราก็เชื่อเสียด้วยว่า มันไม่มีอะไรแน่นอน อย่าประมาท และผู้รู้หลายท่านก็กล่าวตรงกันว่า ถ้าอะไรที่เราคิดรอบคอบแล้ว ว่ามันดี มันมีประโยชน์ต่อส่วนรวม มันเป็นบุญเป็นกุศลทำได้จงทำไป อย่าลังเล ชีวิตมันสั้นนัก อะไรที่คิดว่ามันดีก็จงรีบทำเสียก่อนที่จะหมดโอกาส ก่อนที่ลมหายใจจะสิ้น อะไรที่ไม่รู้ไม่เข้าใจก็ศึกษา ปฏิบัติเพื่อให้รู้ด้วยตนเอง เพราะหลายอย่างมันเป็น ปัจจัตตัง ไม่ทำไม่รู้ เพราะอยากรู้ก็เลยทำ เพราะรู้ว่ายังไม่รู้ไปเสียทั้งหมด เพราะทราบว่ามีโอกาสผิดพลาดได้ เพราะแน่ใจและเห็นคุณค่าของความเห็น คำว่ากล่าวตักเตือนด้วยความบริสุทธิ์ใจจากคนอื่น จึงเขียน จึงบอก จึงเล่าสิ่งที่คิดที่ทำไว้ในบล็อกนี้ เผื่อมีกัลยาณมิตรใจดีหลงทางผ่านมา ได้เข้ามาอ่าน มารับรู้แล้ว มีน้ำใจช่วยให้ความเห็นมา…สิ่งที่มืดอยู่จะได้สว่างขึ้นบ้าง…วันนี้มาว่ากันด้วยเรื่องการทดลองหาช่องทางติดตามแนะนำนักศึกษาทางโทรศัพท์ …เรื่องธนาคารกับความเคร่งครัดเพราะความไม่ซื่อของมนุษย์...ท่านลองอ่านดูนะครับ…อ่านแล้วช่วยผมคิดหน่อย แล้วบอกผมหน่อยว่าผมทำผิดหรือถูก …เมื่อผมกลับมาที่ธนาคารความคิดผมจะได้พิจารณาได้ว่า….ผมอยู่ตรงไหนในเส้นทางสายกลาง?
A: ครูหัวโบราณกับศิษย์สมัยใหม่?
17 มกราคม 2555
เรื่อง กรอบและข้อตกลงในการแก้ปัญหาการเรียน
ถึง นักศึกษาผู้ลงทะเบียนเรียน วิชา EST
สิ่งที่ส่งมาด้วย ข้อมูลคะแนนผลการสอบย่อยครั้งที่ 1 สอบกลางภาค และผลการทดสอบมิชิแกนตามรหัส
ด้วยรายวิชานี้เป็นรายวิชาสุดท้ายของภาษาอังกฤษซึ่งเป็นวิชาที่นักศึกษาหลายคนยังมีปัญหาอยู่และมีโอกาสทำคะแนนไม่ผ่านอยู่มากผู้สอนจึงจำเป็นต้องดูแลติดตามผลการเรียนของนักศึกษาเป็นพิเศษ ซึ่งผลการเรียนจากสิบเอ็ดสัปดาห์ที่ผ่านมาแม้จะมีนักศึกษาส่วนหนึ่งทำได้ดีพอควร แต่ก็มีนักศึกษาอีกกว่าครึ่งที่ผลการเรียนสุ่มเสี่ยงต่อการสอบไม่ผ่าน จำเป็นต้องเร่งพัฒนาตนเองทั้งเรื่องพฤติกรรมและความรับผิดชอบในการเรียนเช่นต้องเร่งรีบฟื้นความรู้พื้นฐานของตนเองให้มีความรู้ถึงระดับตามหลักสูตรต้องรับผิดชอบมาเรียนให้ตรงเวลาและทำการบ้านตามที่ได้รับมอบหมายหากยังหวังโอกาสในการทำคะแนนให้ผ่าน ทั้งนี้ผู้สอนได้คาดการณ์และยืนยันย้ำเตือนมาตั้งแต่ต้นว่าถ้าทำคะแนนไม่ถึงเกณฑ์ที่เป็นมติของกลุ่มผู้สอนซึ่งพิจารณาด้วยเหตุด้วยผลแล้ว ผู้สอนไม่สามารถจะช่วยเหลืออะไรเป็นพิเศษได้ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น น่าเสียดายว่าที่ผ่านมานักศึกษาจำนวนไม่น้อยทั้งๆที่ยอมรับว่าอ่อนและเรียนไม่ค่อยรู้เรื่องก็ยังมาเรียนไม่สม่ำเสมอ ไม่ทำการบ้าน ไม่ถาม ไม่ติดตามทั้งๆที่ผู้สอนก็เปิดโอกาสให้ติดต่อได้หลายช่องทางทั้งในห้อง ทั้งอีเมล เฟซบุค แต่ก็ไม่ค่อยแสดงความพยายามเท่าที่ควร การบ้านต่างๆเมื่อตรวจเช็คกว่า 80 % ของทั้งห้องก็ไม่ได้ทำให้เสร็จ หรือถ้าอ้างว่าทำไม่ได้ก็ไม่ได้มีการติดต่อสอบถาม แต่พอทำข้อสอบไม่ได้ก็โทษแต่ว่าข้อสอบยาก โทษวิชา เหมือนกับจะให้หลักสูตรปรับลงไปหาตนเอง แทนที่จะทำความเข้าใจและปรับความรู้ความสามารถให้ขึ้นถึงระดับการเรียน ซึ่งปัญหานี้ผู้สอนประสบมาตลอดไม่ได้เป็นเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และผู้สอนในฐานะครูก็พยายามหาทางแก้ไข โดยพยายามช่วยให้คำแนะนำเพิ่มเติมเสนอแนะแนวทางให้นักศึกษาพัฒนาความสามารถตนเองขึ้นมาให้ถึงระดับที่ใกล้เคียงกับจุดประสงค์รายวิชา และในภาคเรียนนี้เพื่อความสะดวกในการติดต่อติดตามแนะนำช่วยเหลือ ผู้สอนก็ได้ขอให้นักศึกษาให้อีเมลและหรือเบอร์โทรแก่ผู้สอนไว้ตามความสมัครใจ(ซึ่งหมายความว่าจะเลือกให้ก็ได้ไม่ให้ก็ได้ไม่บังคับ และไม่มีผลกับคะแนน)โดยได้อธิบายพร้อมทั้งเขียนไว้ชัดเจน ( ให้นักศึกษาอ่านและลงชื่อไว้เมื่อ 3 พย 54) ด้วยว่า การให้อีเมลหมายความว่าสมัครใจที่จะให้ครูติดต่อเฉพาะเมื่อต้องตามเรื่องด่วนเท่านั้น แต่ถ้าให้หมายเลขโทรศัพท์ไว้หมายความว่าพร้อมจะให้โอกาสครูได้ติดตามผลการเรียนและให้คำแนะนำอื่นๆได้ทุกเมื่อตามที่ครูเห็นสมควร แต่ก็ยังปรากฏว่านักศึกษาบางคนรู้สึกว่าผู้สอนอาจทำเกินหน้าที่และกล่าวอ้างว่าผู้สอนไม่ปฏิบัติตามที่ได้อธิบายไว้อีก ซึ่งบัดนี้เหลือเวลาเพียงประมาณ 5-6 สัปดาห์ก็จะสิ้นเทอมแล้ว นักศึกษาเหลือเวลา ในการปรับปรุงแก้ไขพัฒนาตนเองค่อนข้างจำกัด ผู้สอนทั้งไม่ต้องการเสียเวลาพูดเรื่องเดิมๆ เช่นย้ำเรื่องความสำคัญของการเตรียมตัวก่อนเรียน การทำไม่ทำการบ้าน การมาตรงต่อเวลา การตอบ การแสดงความคิดเห็นในชั้นเรียน และอื่นๆโดยไม่จำเป็น และเวลาที่มีอยู่ก็ไม่เพียงพอที่จะคอยเตือนนักศึกษาได้มากเท่าเดิม และถึงบัดนี้สัปดาห์ที่ 11 ของการเรียนแล้ว ตัวนักศึกษาเองก็คงทราบชัดเจนในเหตุและผลแล้ว ผู้เขียนจึงขอใช้สิทธิ์ที่จะเคร่งครัดเรื่องการบ้าน การให้ความร่วมมือในการเรียนการสอนมากขึ้น และสงวนสิทธิ์ในการดำเนินการตามกฎและกติกาในเรื่องการมาเรียนโดยไม่อนุโลมให้เข้าห้องเรียนหากมาสายเกินสิบห้านาทีหรือหากไม่มีความรับผิดชอบเตรียมตัวก่อนการเรียนเช่นไม่ทำการบ้านหรือไม่อ่านหนังสือมาล่วงหน้า เพราะการที่ต้องพาอ่านพาทำทุกอย่างในห้องหรือต้องย้อนไปทวนของเดิมโดยตลอดมันใช้เวลามากและกระทบต่อแผนการเรียนการสอนและเสียเวลาสำหรับคนที่ได้ทำตามหน้าที่เตรียมบทเรียนมาแล้ว อนึ่งผู้สอนยังเห็นในโอกาสและคุณค่าของประสบการณ์และคำแนะนำของตนเองอยู่และยังพร้อมที่จะทำหน้าที่ครูเมื่อมีโอกาสโดยไม่ขอจำกัดหน้าที่ตนเองไว้เพียงในห้องเรียนเพราะแม้ยุคสมัยและความคิดของคนบางคนบางกลุ่มจะเปลี่ยนไป แต่ผู้สอนยังสมัครใจที่จะเลือกเป็นครูตามที่ตนเองเคยคิดและยังเห็นคุณค่าตามความหมายของครูในภาษาไทย ตามค่านิยมในสมัยโบราณอยู่ ผู้สอนหรือผู้ร่างหนังสือนี้ไม่ยินยอมพร้อมใจจะตีค่าตนเองเพียงแค่การทำงานแลกเงินเป็นรายชั่วโมงและรายเดือนเท่านั้น โดยเฉพาะถ้าเลือกได้ก็ใคร่จะสอนเฉพาะคนที่พร้อมจะเรียนและยินยอมพิจารณารับฟังคำแนะนำสั่งสอนด้วยเหตุและผลเท่านั้น แต่ก็เข้าใจในข้อจำกัดที่ทุกคนมี เช่นถ้าเลือกได้นักศึกษาบางคนก็อาจต้องการเพียงมานั่งเรียนตามจำนวนชั่วโมงเพื่อรักษาสิทธิ์สอบ อยากรับฟังเพียงเนื้อหาวิชาในตำรา ไม่ต้องการให้ครูผู้สอนอบรมแนะนำอะไรเพราะถือว่าโตแล้วคิดเองได้ (นักศึกษาเหล่านี้อาจไม่ทราบหรือไม่ยอมรับว่าสิ่งหนึ่งที่ถูกเขียนถูกระบุไว้ว่าเป็นหน้าที่หนึ่งของครูคือการอบรมทางด้านศีลธรรมจริยธรรมด้วย)
ที่ครู(นายเมธี แก่นสาร์) เขียนมาทั้งหมดนี้ขอยืนยันว่าไม่ได้เขียนด้วยอารมณ์ แต่ยอมรับในการเปลี่ยนแปลงของสังคมโดยรวม และความคิดตลอดจนสิทธิ์ในความแตกต่าง การเขียน การดำเนินการนี้เป็นเพียงการทำหน้าที่ผู้ศึกษาวิจัยเพื่อวิชาชีพและพยายามแยกแยะทำความเข้าใจตามสิทธิ์ โดยยังเคารพในสิทธิ์และความแตกต่างระหว่างบุคคล ครูเองก็ได้ให้สิทธิ์ให้ความอลุ้มอล่วยแก่พวกเราพอควรมากว่าครึ่งเทอมแล้ว และตอนนี้ก็ยังให้สิทธิ์นั้นคือใครที่สมัครใจเลือกที่จะดูแลรับผิดชอบตนเองและต้องการเพียงแค่การเข้ามาเรียนตามสิทธิ์ที่เรามองว่าเสียเงินมาเรียนนอกนั้นจะกำกับดูแลชีวิตตนเองก็มีสิทธิ์จะทำในส่วนนั้น (แต่ถ้าจะห้ามไม่ให้ครูแนะนำอบรมอะไรในห้องเลยมันก็คงเป็นไปไม่ได้เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งในหน้าที่ในอาชีพและเป็นสิทธิ์อันชอบธรรมของครู) ขณะเดียวกันหากยังมีบางคนที่คิดว่าหากครูมีแนวคิดแนวทางที่คิดว่ามันอาจดีกับพวกเรา (จริงๆแล้วจะดีจริงไหมครูก็ไม่อาจยืนยันได้เพราะยังไม่มีข้อมูลพอ และที่กำลังลองทำอยู่ก็เป็นลักษณะของการศึกษาวิจัย) นักศึกษาก็ยังอยากรับรู้และรับฟัง (ครูไม่ได้บอกให้เชื่อเลยในทันที แต่อยากให้ช่วยกันคิดช่วยกันพิจารณานำไปประยุกต์ไปหาทางแก้ปัญหาตนเอง) ก็ขอให้ลงชื่อในช่องยินดีให้ติดต่อทางโทรศัพท์หลังรหัสของตนเองไว้เมื่อครูนึกอะไรได้จะได้ติดต่อให้คำแนะนำทางโทรศัพท์หรืออื่นๆต่อไป ทั้งนี้อาจารย์เมธี แก่นสาร์เป็นผู้เชื่อมั่นในพลัง ในคุณค่าของเจตนาที่บริสุทธิ์ เหนือกรอบกฏเกณฑ์ ดังนั้นครูหรืออาจารย์เมธี อาจติดต่อไปเมื่อใดเวลาใดก็ได้ตามที่พิจารณาด้วยเหตุด้วยผลแล้วว่าน่าจะเกิดประโยชน์หรือน่าทดลองศึกษากับกรณีนั้นๆคนนั้นๆโดยขอใช้สติปัญญาของตนในการคิดก่อนทำและหลายครั้งเพื่อผลการศึกษาวิจัย อาจจำเป็นต้องลองต้องเสี่ยงก่อนแล้วอธิบายทีหลัง ถ้ามั่นใจได้ว่าอธิบายได้ อาจารย์เมธีได้ทำมาแล้วและจะทำต่อไป จึงบันทึกชี้แจงมาอีกครั้ง และจะอธิบายด้วยวาจาด้วย ถ้าเข้าใจดีแล้วและสมัครใจยอมรับก็ขอให้ลงชื่อและถ้าจะให้ชัดเจนมากขึ้น ก็ขอให้เขียนว่า อนุญาตให้ติดต่อได้ทุกเวลาทุกกรณี
นายเมธี แก่นสาร์ ( ผู้สอน)
(ส่วนท้ายเป็นตาราง มีรหัส มีข่องระบุให้ ลงชื่อรับทราบ และช่องลงชื่อเฉพาะผู้ที่สมัครใจให้
ผู้สอนติดต่อแนะนำทางโทรศัพท์ได้)
หมายเหตุ เป็นความพยายามหนึ่งในการหาช่องทาง เปิดช่องทางติดต่อกับศิษย์ปัจจุบัน ยังเป็นแนวทางที่อยู่ระหว่างการศึกษาวิจัย และการนำมาโพสท์ไว้ก็เป็นทางหนึ่งในการหาข้อมูลเพิ่มเติม มีความคิดเห็นคำแนะนำใดกรุณาให้คำแนะนำได้
B: ธนาคาร - ความคิด
คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลฯ
อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
19 มกราคม 2555
เรื่อง สอบถามเรื่องระเบียบและการบริการ
เรียน ผู้จัดการธนาคาร XXX
ด้วยข้าพเจ้านายเมธี แก่นสาร์ ได้ไปใช้บริการฝากและถอนเงินที่ธนาคารฯสาขา MORL เมื่อ 16 มกราคม 2555 ในฐานะลูกค้าธนาคารรายหนึ่ง แต่มีข้อขัดข้องเนื่องจากผู้มีอำนาจเบิกร่วมลายเซ็นต์ไม่เหมือนเดิม ซึ่งทั้งเจ้าหน้าที่และหัวหน้าสาขาฯก็อธิบายด้วยดีโดยให้เหตุผลว่าเคยมีปัญหาภายหลังแล้ว ซึ่งข้าพเจ้าก็เข้าใจว่าคงเป็นคำสั่งให้เข้มงวดและที่เขียนร้องเรียนมามิได้ติดใจกล่าวโทษเจ้าหน้าที่แต่ประการใดทั้งสิ้น เพียงแต่เมื่อพิจารณาข้อมูลข้อเท็จจริงต่างๆในกรณีของข้าพเจ้าแล้วข้าพเจ้ายังเห็นว่าถ้าหากธนาคารไม่ได้มีนโยบายให้ใช้กฏตายตัวว่าถ้าลายเซ็นต์ไม่เหมือนเดิมให้งดการเบิกจ่ายทุกกรณีไม่ว่าจะพิสูจน์ได้ด้วยข้อมูลองค์ประกอบอื่นว่าเป็นผู้มีสิทธิ์เบิกจ่ายจริง และยังเปิดช่องให้ผู้ปฏิบัติงานได้ใช้ความคิดใช้วิจารณญาณตัดสินอนุโลมได้ในกรอบที่จะไม่สร้างความเสียหายใดๆแก่ทั้งทางธนาคารและลูกค้าแล้ว กรณีของข้าพเจ้าน่าจะอยู่ในวิสัยที่ธนาคารสามารถที่จะอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าได้มากกว่านั้น หรือไม่ก็อาจมีบางประเด็นบางแง่มุมที่ข้าพเจ้ายังไม่ทราบหรือมองข้ามไปซึ่งข้าพเจ้าสมควรรับรู้รับทราบไว้ เพราะยังคงต้องติดต่อใช้บริการธนาคารอยู่
แม้การติดต่อจะเสร็จสิ้นไปแล้ว แต่เพราะข้าพเจ้ายังไม่เข้าใจในเหตุผลความจำเป็นที่ทำให้ข้าพเจ้าต้องเสียเวลาในการเบิกถอนเงินเกินกว่าสมควร และเพื่อการถือปฏิบัติรวมทั้งนำความรู้ประสบการณ์ไปเผยแพร่ต่อไปในฐานะครูอาจารย์และนักวิชาการผู้ที่มีโอกาสทำงานกับชุมชนคนหนึ่ง ข้าพเจ้าจึงขอความอนุเคราะห์ทางผู้รับผิดชอบหรือผู้มีอำนาจตัดสินใจของทางธนาคารพิจารณากรณีและประเด็นที่ข้าพเจ้าสอบถามมาโดยละเอียดและให้คำยืนยันกฏระเบียบของธนาคารอีกครั้งจักเป็นพระคุณยิ่ง (ทั้งนี้ก่อนการทำบันทึกสอบถามมาข้าพเจ้าได้โทรศัพท์ทำความเข้าใจกับหัวหน้าสาขา MORL แล้วว่า ข้าพเจ้าจะขอสอบถามข้อมูลเหตุผลเพิ่มเติมเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา) ทั้งนี้ขอให้ข้อมูลรายละเอียดที่เกี่ยวข้องและประเด็นคำถามดังนี้
ข้อมูลเกี่ยวกับบัญชี: บัญชีที่ฝาก เป็นบัญชีออมทรัพย์ เป็นบัญชีกลุ่มที่เปิดในนามของกลุ่ม ชื่อบัญชี กลุ่มรวมมิตรเมธีเพื่อสิ่งดีๆที่บ้านเกิด เป็นบัญชีเงินเพื่อกิจการส่วนรวม เพื่อการกุศลทั้งหมดโดยประธานกลุ่มคือข้าพเจ้า นายเมธี แก่นสาร์ และตัวแทนที่ได้รับอำนาจจากที่ประชุม(เมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2553) อีกสองราย เป็นผู้ขอเปิดบัญชี มียอดเงินผ่านบัญชีแล้วประมาณห้าหกแสนบาท
ข้อตกลงเบิกจ่าย การถอนจะทำได้เมื่อมีผู้มีอำนาจเซ็นต์ชื่อเบิกสองในสามของรายชื่อเป็นผู้มีสิทธิ์เบิกจ่าย บัญชีนี้เปิดมาแล้วประมาณปีกว่าๆ ทั้งสามคนที่มีสิทธิ์เบิกจ่ายได้เคยไปติดต่อเบิกจ่ายมาแล้วหลายครั้ง ยังไม่เคยมีปัญหาใดๆ พึ่งมีปัญหา เมื่อ 16 มกราคม 2555 เป็นครั้งแรก
ในวันที่ 16 มกราคมที่ไปยื่นถอน มียอดเงินในบัญชีอยู่ประมาณสี่หมื่นเศษ แต่จำเป็นต้องถอนเงินให้ช่างผู้ดำเนินการก่อสร้างในโครงการสร้างพระฯ จำนวนห้าหมื่นบาท นั่นหมายความว่าเงินสดในบัญชีมีไม่ถึงยอดที่ระบุในใบถอน ผู้เบิกจ่ายจึงได้นำเงินที่มีผู้ร่วมบริจาคเพิ่มอีกประมาณหมื่นเก้าพันบาทมาฝากพร้อมกับใบถอนเงิน (นั่นหมายถึงว่าถ้าโดยนโยบายของธนาคารยังให้โอกาสเจ้าหน้าที่ได้พิจารณาข้อมูลประกอบ เจ้าหน้าที่ย่อมคิดได้ว่าถ้าผู้มาถอนมาโดยมีเจตนามายักยอกเงิน ไม่น่าจะขอถอนเงินเกินจำนวนในบัญชี และนำเงินจำนวนเกือบสองหมื่นมาเข้าบัญชีและยังคงมียอดค้างบัญชีไว้)
ปัญหาและคำอธิบายของเจ้าหน้าที่ ลายเซ็นต์ของผู้มีอำนาจเบิกจ่ายอีกคนไม่เหมือนเดิม เบิกไม่ได้ แม้จะยืนยันว่าเป็นตัวจริง หรือรู้ว่าเป็นตัวจริงก็ถอนไม่ได้ เพราะกลัวมีปัญหาเจ้าหน้าที่จะเดือดร้อนได้ และเสนอแนะให้ดำเนินการเปลี่ยนลายเซ็นต์โดยต้องเข้ามาทำที่สาขาใหญ่ในตัวเมือง (ข้าพเจ้าสอบถามหัวหน้าสาขาทีหลังว่าจะอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าให้ลูกค้าดำเนินการในพื้นที่ได้หรือไม่เพราะผู้ที่มีปัญหาลายเซ็นต์อยู่ในพื้นที่ซึ่งหัวหน้าสาขาก็รับปากจะช่วยประสานให้) หรือให้ผู้มีอำนาจเบิกถอนรายที่สามมาเซ็นต์แทน (ข้าพเจ้าได้แย้งว่า น่าจะอลุ้มอล่วยได้เพราะต้องใช้เวลา และไม่ทราบว่ารายที่สามอยู่ในหมู่บ้านหรือกลับไปที่นาแล้วหรือไปทำธุระที่ใด ข้าพเจ้าเองก็มีงานรออยู่ ทั้งนี้ข้าพเจ้าเป็นคนรับผิดชอบบัญชี รับผิดชอบโครงการอยู่ไม่น่าจะมีปัญหา แต่เจ้าหน้าที่ก็ยืนยันว่าเกรงจะมีปัญหา ในที่สุดเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อนประกอบกับมันเป็นเวลาประมาณบ่ายสามเศษแล้ว ข้าพเจ้าจึงละความสงสัยไว้ก่อนทั้งที่ยังไม่สามารถเชื่อมโยงเหตุความจำเป็นของธนาคารได้ชัดเจน และได้พยายามติดต่อ ผู้มีอำนาจเบิกถอนรายที่สาม และโชคดีที่ติดต่อได้ จึงได้ขอให้มาลงนามในใบถอน ซึ่งก็ใช้เวลาพอควร) ในวันนี้ข้าพเจ้าจึงเรียนสอบถามมายังผู้มีอำนาจตัดสินใจเพื่อขอคำอธิบายโดยตรง
ประเด็นที่สงสัยและใคร่ขอคำตอบ
ก่อนเข้าสู่คำถาม ขอเรียนว่าข้าพเจ้าเข้าใจดีแล้วว่า ธนาคารมีหน้าที่รับผิดชอบเงินที่ลูกค้านำมาฝาก และต้องระมัดระวังไม่ให้ผู้แปลกปลอมมาหลอกลวงเอาเงินของลูกค้าไป นอกนั้นข้าพเจ้าเข้าใจว่าความสะดวกของลูกค้าคือความสำคัญเป็นอันดับต่อมา ดังนั้นจึงไม่ค่อยเข้าใจในเหตุผลกรณีที่ว่า ต่อให้มีหลักฐาน เช่นบัตรประชาชนรูปถ่ายยืนยัน ผู้เซ็นต์ร่วมรับรองชัดเจน และธนาคารเองก็แน่ใจได้ว่าเป็นตัวผู้มีสิทธิ์มีอำนาจเบิกถอนจริงแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถให้ทำการถอนได้ ข้อสงสัยคือในกรณีนี้ ถ้าเจตนาของกฏไม่ได้มุ่งเอาความสะดวกในการทำงานของเจ้าหน้าที่เป็นอันดับหนึ่งแล้วมีเหตุผลอะไรอีกที่จะไม่อำนวยความสะดวกให้ลูกค้า เพราะโดยทั่วไปแล้วธนาคารก็ดำเนินกิจการเพื่อให้บริการแก่ลูกค้าและเท่าที่มีการประชาสัมพันธ์ก็เห็นล้วนกล่าวว่าจะปรับปรุงบริการให้กับลูกค้า ถ้าจะบอกต่อไปว่าเกรงจะมีปัญหา ในกรณีของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามองมูลเหตุที่จะเป็นปัญหาไม่ออก เพราะต่อให้มีปัญหาที่ต้องตรวจสอบภายหลัง ข้าพเจ้าผู้เซ็นต์ร่วมซึ่งมาด้วยก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบอยู่แล้ว ลายเซ็นต์ที่มีปัญหาก็เป็นเพียงคนคนเดียวและก็มีหลักฐานอื่นยืนยันตัวบุคคล และถ้ามีการเช็คข้อมูลตรวจสอบข้าพเจ้าก็มีสถานะเป็นข้าราชการ ซึ่งเท่าที่ผ่านมาก็สามารถใช้ตำแหน่งเป็นหลักประกันทางกฏหมายได้ หรืออย่างน้อยเท่าที่เคยไปใช้บริการที่ธนาคารแห่งอื่น (ที่ MORL ปัจจุบันมีธนาคารเดียว) เมื่อมีหลักฐานยืนยันตัวบุคคล เจ้าหน้าที่จะนำลายเซ็นต์ที่ลูกค้าเซ็นต์ตอนเปิดบัญชีให้ดูและให้เซ็นต์ให้ใกล้เคียงได้แล้วทุกอย่างก็เรียบร้อย แต่ในกรณีนี้ที่เจ้าหน้าที่ไม่ทำเช่นนั้นเพราะเป็นแนวปฏิบัติของ XXX หรือระเบียบการเงินปัจจุบันต้องเข้มงวดกว่าเดิมหรืออย่างไร และโดยสรุปลายเซ็นต์ไม่เหมือนงดเบิกจ่ายทุกกรณีใช่หรือไม่ ถ้าใช่ น่าสนใจที่ว่าตรงไหนที่ควรจะเป็นจุดประสาน เป็นทางออกร่วมกันทั้งเพื่อรักษาเงินของลูกค้า ความสะดวกของลูกค้า กับความสะดวกของการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ธนาคาร อะไรคือเจตนารมย์หลักของกิจการ การธนาคาร
ข้อมูลรายละเอียด ประเด็นสงสัยที่ข้าพเจ้านำเรียนมาข้างต้น ข้าพเจ้าเข้าใจคลาดเคลื่อนตรงไหน อย่างไรหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทางธนาคารคงจะกรุณาให้ความรู้แก่ข้าพเจ้า และขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับความอนุเคราะห์
ขอแสดงความนับถือ
นายเมธี แก่นสาร์
(0872450798:meteekansa.blogspot.com)
หมายเหตุ เพื่อไม่มุ่งไปที่ธนาคารใดธนาคารหนึ่ง หรือทำให้ธนาคารเสียหายโดยไม่จำเป็น ข้าพเจ้านายเมธี แก่นสาร์ เจ้าของบล็อกได้ใช้ชื่อสมมุติแทนชื่อธนาคารและแหล่งที่อยู่ แต่ตามความเข้าใจเมื่อทั้งหมดเป็นเรื่องจริง และสามารถตรวจสอบได้ ผู้เผยแพร่มีทั้งพยานบุคคล เอกสารบางส่วน บทบันทึกการสนทนาบางส่วนที่ขออนุญาตก่อนการบันทึก และเผยแพร่ด้วยเจตนาทางการศึกษาวิจัย จึงเห็นว่าไม่น่าจะผิดกฏหมาย หากผู้เผยแพร่เข้าใจคลาดเคลื่อน ผู้รู้กรุณาให้คำแนะนำด้วย
น่าจะถอนได้ เพราะเปิดบัญชี ร่วมกันสามคนถ้ามีสองในสามก็น่าจะถอนได้แล้ว
ReplyDeleteแล้วเจ้าหน้าที่ที่เค้าไม่สามารถให้ได้เพราะอะไร เพราะในข้อมูลของธนาคารเค้าไม่บอกหรือปล่าวว่าลายเซ็นคนนี้ชื่ออะไร เลขที่บัตรประชาชนอะไร (ก็อาจเป็นไปได้นะครับ เจ้าหน้าที่เค้าเลยต้องดูจากความเหมือนของลายเซ็นอย่างเดียวในการประกอบการถอนเงิน)
ReplyDeleteถ้าเจ้าหน้าที่เค้าให้ได้ก็คงให้ไปแล้ว เค้าจะไปหวงเงินของอาจารย์ทำไมล่ะครับ???? ถูกต้องไหม?
การเดินทางสายกลาง คือการปล่อยวาง ไม่ยึอติด เอาความใดๆๆ นะครับ....