จดหมายเปิดผนึกถึงผู้เกี่ยวข้องตามลำดับ( เป็นเรื่องภายในชุมชนระดับชุมชน แต่เป็นตัวอย่างที่มีหรือเป็นปัญหาในสังคมระดับประเทศ )
เรื่อง (ตอที่ต้องช่วยกันขุด)
ปัญหาการสื่อสารกับการแก้ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นในชุมชน (เหล่าเสือโก้ก)
เรียน นายกรัฐมนตรี (ผ่านผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 หมู่ 9 นายอำเภอเหล่าเสือโก้ก
ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี และหรือ
ผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน
)
ข้าพเจ้านายเมธี
แก่นสาร์ เขียนจดหมายเปิดผนึกนี้บนพื้นฐาน บทบาทการทำหน้าที่พลเมืองคนไทยที่
(นายกประยุทธ หรือที่หลายคนเรียกท่านว่าลุงตู่
สนับสนุนเรียกร้องให้ช่วยกันเพื่อชาติ) ต้องช่วยกันแก้ปัญหาชาติ
โดยมีพื้นฐานสนับสนุนตามบทบาทหน้าที่ในอดีตคือเป็นข้าราชการบำนาญ อดีตครูผู้พึ่งเกษียณซึ่งเกิดที่บ้านเหล่าเสือโก้กและเป็นผู้หนึ่งที่ได้ทำกิจกรรมจิตอาสาและวิจัยศึกษาปัญหาการศึกษาและความร่วมมือไม่ร่วมมือกันในชุมชนบ้านเหล่าเสือโก้ก
(ซึ่งได้เสนอแนะให้ต้นสังกัดเดิมคือคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
พิจารณาสำเนาส่งรายงานการวิจัยฯที่เกี่ยวข้องให้หน่วยงานในพื้นที่รับทราบแล้ว รวมทั้งได้เคยทำหนังสือเรียนข้อมูลข้อเสนอแนะด้านปัญหาการศึกษาฝากถึงผู้นำปัจจุบันตามขั้นตอนมาแล้ว) ซึ่งปัจจุบันได้ย้ายกลับไปอาศัยบ้านในภูมิลำเนาเดิมเลขที่ 234 หมู่ 2 บ้านเหล่าเสือโก้ก อ.เหล่าเสือโก้ก
จ.อุบลราชธานี จึงเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในฐานะราษฏรหมู่ 2
แต่ใช้และจ่ายค่าน้ำประปาหมู่บ้าน
ที่ปัจจุบันอยู่ภายใต้การดูแลรับผิดชอบของผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ซึ่งได้รับการร้องเรียน
และ(ยังเป็นผู้ที่ถือว่าบริสุทธิ์ เพียงแต่มีข้อร้องเรียน) อยู่ในระหว่างการสอบสวนเกี่ยวกับการจัดการบริหารรายได้จากประปาหมู่บ้าน
ได้รับทราบจาก นางสาวจิรนันท์ โชติสนธิ์ (ตอ แต๋ม)สมาชิกสภาเทศบาลตำบลเหล่าเสือโก้ก ซึ่งเป็นลูกบ้านหมู่ 9 และหนึ่งในผู้เข้าชื่อร้องเรียนผ่านทางออนไลน์ว่า เทศบาลเหล่าเสือโก้กจะทำพิธีมอบแท๊งค์น้ำที่พึ่งจัดสร้างแล้วเสร็จให้หมู่
9 ดูแลรับผิดชอบอย่างเป็นทางการ และเทศบาลได้แจ้งให้สท.จิรนันท์รับทราบว่าเตรียมเสนอให้ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ประชุมสมาชิกผู้ใช้น้ำในวันที่
5 มีนาคม 2560 นั่นก็คือวันมะรืนนี้ (ทราบข้อมูลและเริ่มเขียน เย็นวันที่ 3 มีค 60) ซึ่งบังเอิญข้าพเจ้าได้นัดหมายไปทำภารกิจอื่น ไว้ก่อนแล้ว
จึงไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้ แต่เพราะยังไม่เคยได้รับฟังการชี้แจงจากทางผู้ใหญ่บ้านหมู่
9 หรือผู้มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลสืบสวนมาก่อนเลย ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจเขียนจดหมายเปิดผนึก
ฝากเรียนถามและหรือเรียนเสนอผู้รับผิดชอบที่เกี่ยวข้องในแต่ละระดับดังนี้
1.ข้าพเจ้าเข้าใจว่า
กิจการใดอันเป็นกิจการที่บริหารจัดการโดยเงินส่วนรวม สมาชิกผู้มีส่วนได้เสีย
หรือจ่ายเงินเพื่อบริการนั้นๆอยู่ ควรมีสิทธิสอบถามติดตามรวมทั้งรับทราบ
เรื่องการบริหารจัดการงานอันเป็นไปเพื่อสาธารณะหรือกลุ่มโดยส่วนรวม
ในกรณีที่เป็นที่มาของจดหมายเปิดผนึกนี้คือ การบริหารจัดการประปาหมู่บ้าน ที่บ้านเหล่าเสือโก้ก
อำเภอเหล่าเสือโก้ก ซึ่งข้อมูลรายละเอียดการบริหารจัดการรายได้ยังไม่เป็นที่เปิดเผยชัดเจน
และมีตัวแทนและชาวบ้านบางส่วนได้ทำหนังสือร้องเรียน มาก่อนแล้ว
และเท่าที่ทราบผลการสอบสวนเงียบหายไป
จนต้องมีการร้องเรียนและมีการสอบสวนอีกครั้งโดยที่ข้าพเจ้าและผู้ใช้น้ำหรือลูกบ้านส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับฟังรับทราบคำชี้แจงเกี่ยวกับการบริหารจัดการรายได้ที่ชัดเจนหรือผลการสอบสวนใดๆ
จนนำไปสู่การนัดหมายประชุมวันที่ 5 มีนาคม 2560 นี้ (ข้าพเจ้าในฐานะสมาชิกอาวุโสคนหนึ่งในชุมชนได้แสดงความเห็นและข้อเสนอแนะโดยเปิดเผยทั้งที่วัดและโอกาสอื่นๆในชุมชนว่า
ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับส่วนรวม ควรเปิดเผยตรงไปตรงมา ถูกผิด ควรร่วมกันแก้ไข รวมทั้งได้โทรศัพท์เรียนถามท่านนายอำเภอเหล่าเสือโก้กปัจจุบัน
หลังจากที่ไม่มีใครให้คำตอบได้จึงทราบว่า
ต้องมีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนอีกครั้ง) แต่ปรากฏว่าจนปัจจุบัน
ข้าพเจ้าเองก็ยังไม่เคยได้รับแจ้งโดยตรงจากผู้ที่เกี่ยวข้องว่าจะมีการประชุม 5
มีนาคม 2560 ข้าพเจ้าเห็นว่า
ผู้เกี่ยวข้องสมควรพิจารณา ระบบขั้นตอน วิธีการสื่อสารประชาสัมพันธ์
เพราะมันนำไปสู่ปัญหา การแก้ปัญหาความโปร่งใสในชุมชน ไม่ทราบที่ข้าพเจ้าคิดและข้อมูลตามที่เรียนมานี้
มีความคลาดเคลื่อนในส่วนใด อย่างไร (ที่ใช้วิธีสื่อสารแบบเปิดเผย
เพราะปัญหาลักษณะนี้ เป็นและมีทั่วไปในหลายๆชุมชน หากไม่ใช่แทบทุกแห่งในประเทศไทยและอาจรวมที่อื่นด้วย)
2.
และเมื่อมีกรณีร้องเรียนเกิดขึ้น เพื่อความยุติธรรมและโปร่งใส รวมทั้งเพื่อชื่อเสียงของผู้ถูกร้องเรียนและผู้เกี่ยวข้อง
ระบบการสืบสวนสอบสวนควรมีขั้นตอน และการประชาสัมพันธ์อย่างทั่วถึงและให้เวลา เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ถูกร้องเรียนได้ชี้แจงและอธิบายข้อเท็จจริงให้ชุมชนโดยเฉพาะผู้มีส่วนได้เสีย
ได้รับรู้รับทราบ การที่ข้อร้องเรียนเรื่องนี้ซึ่งเท่าที่ข้าพเจ้ารับรู้มีมาตั้งแต่สมัยนายอำเภอคนก่อน
ต้องมีการร้องเรียนและสอบสวนใหม่ ลักษณะนี้มีช่องว่างและทำให้เกิดคำครหา นำไปสู่ความไม่ไว้ใจระหว่างฝ่ายปกครองกับชาวบ้าน
(มีการประชุม
ที่ข้าพเจ้าทราบว่าเกี่ยวพันกับการประเมินผลงานผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ครั้งล่าสุด แต่ข้าพเจ้าอยู่ในส่วนที่หลายคนรวมทั้งผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2
ได้ให้ความเห็นว่า ไม่เกี่ยวเพราะไม่ใช่ลูกบ้านหมู่ 9 โดยที่มองข้ามข้อเท็จจริงที่ว่า มีลูกบ้านหมู่ 2 จำนวนหนึ่งเป็นผู้ใช้น้ำและจ่ายค่าน้ำประปาหมู่บ้านซึ่งดูแลรับผิดชอบโดยผู้ใหญ่บ้านหมู่9
ยิ่งไปกว่านั้น มีลูกบ้านหมู่ 9 เองอีกไม่น้อยที่แจ้งว่าไม่ได้รับทราบเรื่องการประชุมประเมินผู้ใหญ่บ้าน
ข้อมูลนี้เป็นอีกหลักฐาน ข้อมูลที่สะท้อนว่าระบบการตรวจสอบ ประเมินในชุมชน
สมควรได้รับการพัฒนา ) ข้อมูล ความคิดในข้อนี้
ของข้าพเจ้ามีส่วนคลาดเคลื่อนหรือผิดจากข้อเท็จจริงหรือขัดต่อระเบียบการบริหารปกครองของท้องถิ่นหรือไม่อย่างไร
3. ข้าพเจ้าขอเรียนยืนยันว่า
ข้าพเจ้าเรียนแสดงความคิดเห็นและสอบถามมา ด้วยความบริสุทธิ์ใจ
และขอเรียนเพิ่มเติมโดยเปิดเผยในข้อ 3 นี้ว่า
นอกจากการใช้สิทธิ์ในฐานะผู้มีส่วนได้เสียในชุมชนแล้ว ข้าพเจ้ายังเห็นว่า
ปัญหาการสื่อสาร การจัดการกับปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นตลอดจนการพัฒนาชุมชน
เป็นปัญหาระดับชาติ และเชื่อมโยงเกี่ยวพันกับระบบการปกครองการเมืองโดยรวม
และเมื่ออ้างอิงสืบเนื่องจากงานวิจัยศึกษา
ซึ่งข้าพเจ้าได้ศึกษามาทั้งเป็นและไม่เป็นทางการ ปัญหาหลักปัญหาหนึ่งในสังคมไทย
คือ ปัญหาความมีไม่มีคุณธรรมของเจ้าหน้าที่ และหรือผู้นำ ปัญหาการเมือง ปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับวัฒนธรรม
กับความไม่มีวินัย
ความไม่ชัดเจนในการแยกแยะระหว่างเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวกับกฎกติกาความถูกต้องในการปฏิบัติหน้าที่
เช่น คำพูดที่ว่า “ต้องช่วยกันกำจัดปัญหาการลำเอียง
ใช้อำนาจหน้าที่ช่วยเหลือพวกหรือเครือญาติ”
ซึ่งถือว่าผิดและสมควรช่วยกันแก้ไข กับคำพูด กับวัฒนธรรมที่ว่า “คนไทยต้องมีน้ำใจต้องให้ความสำคัญต่อความเป็นพี่เป็นน้อง” ซึ่งหลายคนแม้ระดับผู้นำก็มีปัญหาในการปฏิบัติช่องนี้ตรงนี้ เช่น เมื่อปัญหาเกิดกับคนใกล้ตัวก็หันไปกล่าวอ้างว่า
“หยวนๆกันบ้าง เป็นที่รับทราบว่าใครๆเขาก็ทำกันมา
จะมาเอาเป็นเอาตายอะไรกันนักหนา…” นายเมธี แก่นสาร์ เอง
ก็เจอปัญหาการแยกแยะนี้ เช่น ถูกกล่าวหาว่า “ไม่เอาพี่เอาน้อง”
“ตรงหรือจริงจังเกินไป” (นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเหล่าเสือโก้กคนปัจจุบัน ก็เคยให้ความเห็นและมองว่าเป็นปัญหา
เมื่อข้าพเจ้าเปรยเรื่องปัญหาการประสานงาน ปัญหาการพนัน การดื่มสุรายาเสพติด)
ในกรณีการสืบสวนสอบสวนที่เหล่าเสือโก้ก ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ก็ได้กล่าวว่า “การติเพื่อก่อทำได้และควรทำแต่ไม่ควรติเพื่อทำลาย” ซึ่งข้าพเจ้าก็เห็นด้วย แต่เมื่อพิจารณาจากมุมของภาษาและความหมาย
ในด้านการสื่อสารแล้ว มันต้องชัดว่า เมื่อไรคือการทำลายเมื่อใดคือการทำตามกฎกติกา
ซึ่งทุกคนควรชัดเจนว่าผู้ใด ใช้อำนาจหน้าที่ไปในทางที่ผิดหรือเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน
โดยเจตนา เช่นพยายามปกปิด หรือยังไม่ยอมรับผิด สมควรได้รับโทษตามความผิดนั้นๆ
และออกจากหน้าที่ตำแหน่งที่ส่งผลได้ผลเสียต่อส่วนรวม
ซึ่งการให้รับโทษรับผลจากความผิดที่บุคคลนั้นทำ(ถ้าได้ทำผิดจริง) ไม่ใช่การทำลาย แต่เป็นการช่วยลดโอกาสในการทำลายสังคมของบุคคลนั้นๆ
เป็นการให้โอกาสให้เขาได้ใช้เวลาพิจารณาปรับปรุงแก้ไขตนเอง นั่นคือสิ่งที่ข้าพเจ้าคิด
และเห็นว่า ความไม่ชัดเจนในภาษาในการสื่อสาร เป็น ตอ ในสังคมไทย และตอที่สำคัญมากๆ
ขุดยากมากๆคือตอใหญ่ๆ
ยิ่งตอใหญ่ยิ่งขุดทำลายยากขณะที่มีประสิทธิภาพในการทำลายหรือเป็นอุปสรรคเป็นปัญหามาก
และตอที่ใหญ่กว่าตอใดๆ คือตอตัวตน แต่ละคนจึงควร ต้องหันดูตัว และช่วยขุดตอในตนเอง
เปลี่ยนจากตอที่เป็นอุปสรรค ให้เป็นตอต้นแบบ ที่ให้ตอตัวตนคนตัวน้อยๆได้เดินตาม
ช่วยกันกำจัดตอ แล้วตั้งต้นปลูกต้นแบบใหม่ๆ เพื่อการเดินต่อของสังคมโดยรวม…ตนเตือนตนนั่นแหละดี ไม่ว่าตอตนจะสีใดอย่าได้มองแต่เรื่องตู่กันไปมา
แต่ควร หันตอตามามองตนค้นให้เจอว่าจะต่อหรือจะตัดต้นตอปัญหา … ผมนายเมธี แก่นสาร์ ครูแก่ในกายที่กำลังชรา
ก็กำลังทำตามสัญญา ทำหน้าที่ครู ที่เท่าที่รู้ยังติดค้างอยู่ในตอตัวแม้เกษียณ ด้วยผมได้เฝ้าเพียร
จะเขียนหนังสือ เมธีและการสื่อสาร มานาน
ผ่านการเลื่อนมาเรื่อยนับเนื่องจากที่ได้ขออนุญาตนายแบบนางแบบปกไว้ เพราะสะดุด
หยุดกึก ตอนมีการปฏิวัติรัฐประหาร จนอาการสับสน ทนแรงเสียดทานไม่ได้ และได้
เขียนจดหมายลงทะเบียนเรียนชี้แจงพลเอกประยุทธ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี
ตั้งแต่มิถุนายน 2557 รวมทั้งเข้าไปติดต่อขอแสดงความบริสุทธิ์ใจในค่ายทหารที่วารินชำราบ
ตามที่แจ้งและรับทราบกัน งานหนังสือถูกเลื่อนมาจนก่อนเกษียณ ได้เรียนผ่านสื่อ
ผ่านปฏิทินข้อคิดที่แจกในงานเกษียณกันยา 59 ว่า ผมจะขอสื่อสารบอกเล่าในหมวด
ตอเอ๋ยตอเต่า ด้วยครูเก่าต้องยอมรับในความเป็นผู้เฒ่า ที่ก็คงต้องเข้าโลงในไม่ช้า
ผมจึงว่ามา บอกมา ในรูปแบบจดหมายเปิดผนึก ตามสำนึกและปัญญา ว่าตามประสบการณ์ตรง
ส่งจากเหล่าเสือโก้ก หากโชคไม่ร้ายจนเกินไป ปัญญาสมองยังแจ่มใจอยู่บ้าง
การสื่อสารมาครั้งนี้ น่าจะให้นายเมธี แก่นสาร์ เกิดได้หน้าได้ผลหรือได้รับความเข้าใจในเจตนาดีมากกว่าการมองว่าเป็นติการประจานเพื่อการทำลาย
และผมครูเฒ่าเจ้าปัญหานามเมธีคนนี้คงจะดีใจหลายๆ หากท่านที่ได้อ่าน สาร ในรูปแบบจดหมายเปิดผนึกนี้
จะให้ความคิดเห็น สะท้อนย้อนบอกตลอดจนให้คำแนะนำ ด้วยเมตตา แก่ข้าพเจ้านายเมธี ผู้เฒ่าที่เข้าใจว่ายังมีตอ
ตัวตนและคงคล้ายๆกับอีกหลายคนที่หนีไม่พ้นต้องผจญตอต่อจนตัวหรือชีวิตตายมลายไป!
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
และพิจารณา พร้อมทั้งขออภัยในส่วนที่อาจพาดพิงผิดพลาดโดยไม่เจตนา
ขอแสดงความนับถือ
นายเมธี
แก่นสาร์ ( สื่อสารทำงานเสร็จเด็ดตอแรกเมื่อ
05.59
เช้า 4 มีค 60)
หลังจากได้พยายามติดต่อให้ผู้เกี่ยวข้อง คือสท.แต๋ม และ สมาชิกคนบ้านเหล่าเสือโก้กอีก 2 ท่านช่วยอ่านทบทวนตรวจสอบ แต่ด้วยเวลาที่จำกัด ต้องไปทำภารกิจอื่นต่อ จึงรอ ความเห็นมากกว่านี้ไม่ได้ เมื่ออย่างน้อยก็ได้รับความเห็นชอบและผ่านความเห็นของ 1 ในสามที่สนับสนุนว่า คนในชุมชนควรได้รับข้อมูลตามข้อเท็จจริงและการติดตามสอบถามข้อเท็จจริงแบบตรงไปตรงมา น่าจะเป็นที่เข้าใจและทำได้ ขณะที่ตัวคุณจีรนันท์ หรือต.แต๋มต้นเรื่องในฐานะ ผู้ที่ทำหน้าที่ผู้นำผู้แทนคนหนึ่งในชุมชน โดยตำแหน่ง และลูกบ้านหมู่ 9 ที่แม้เที่ยวนี้จะยังไม่ได้ตอบยืนยันมาแต่ได้มีการพูดคุยประสานข้อมูลกันในฐานะคนในหมู่บ้านเดียวกันและมีความต้องการให้ชุมชนมีการบริหารจัดการที่โปร่งใสชัดเจนขึ้นกว่าเดิม เหมือนกันและนายเมธี แก่นสาร์ ได้เคยขออนุญาตอ้างอิงเปิดเผยตัวตนและเจ้าตัวได้อนุญาตมาก่อนแล้ว จึงตัดสินใจโพสท์เผยแพร่ 08:21 น.เช้า 4 มีนาคม 2560 โดยการเผยแพร่ผ่านบล็อกซึ่ง ผู้ไม่เกี่ยวข้องคงไม่เข้ามาดูรายละเอียดอยู่แล้ว
ปล. ฝาก สท.ตอ แต๋ม
ผู้ซึ่งเป็นสมาชิกคนหนึ่งในกลุ่ม
“รวมมิตรเมธี เพื่อสิ่งดีๆที่บ้านเหล่าฯ” มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งกลุ่ม
และเป็นผู้ที่ทำงานและประสานงานเพื่อชุมชนมาโดยสม่ำเสมอ
พิจารณาทำการปริ๊นต์เพื่อสำเนาเสนอให้ผู้เกี่ยวข้องและที่ประชุมวันที่ 5 มีค 2560 รับทราบตามที่ร้องขอไว้ด้วย ขอบคุณครับผม
No comments:
Post a Comment