ขอเพียงแค่เราต้องการ เราทุกคนล้วนสามารถทำอะไรอะไรหลายๆอย่างให้แก่คนอื่น แก่ชุมชนได้ ในฐานะที่อยู่ในสายวิชาการ และมีพื้นเพมาจากชุมชนชนบท เมื่อผมมีโอกาสได้เห็นสังคมภายนอกได้เรียนรู้ในความต่างความเหมือนแล้ว ผมมีความประสงค์ที่จะเข้าไปมีส่วนรับรู้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับชุมชน หาแนวทางลดช่องว่างทางความคิดระหว่างคนที่มีภูมิหลังและประสบการณ์ต่างกัน อยากมีส่วนช่วยเพิ่มโอกาสให้เด็กในชนบทได้มีโอกาสรับรู้เรียนรู้มากขึ้นเพราะผมพอจะทราบว่าคนในชนบทกับคนเมืองหรือคนจนกับคนรวยนั้นต้นทุนห่างกันเพียงใด นั่นเป็นเหตุผลที่ผมมักกลับไปที่หมู่บ้านที่ผมจากมา (บ้านเหล่าเสือโก้ก)โดยไปสอนเด็กๆแบบให้เปล่าในวันหยุดเท่าที่เวลาจะอำนวยมากว่าสี่ห้าปีแล้ว บางครั้งผมก็พานักศึกษาที่เต็มใจไปช่วยไปร่วมกิจกรรมกับเด็กๆ บางครั้งก็เชิญแขกชาวต่างชาติไปบ้างตามโอกาส อาจจะทำไม่ได้มากมายแต่ผมก็สุขใจที่ได้ทำ ผมอยากทำให้มากขึ้น แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้าง เมื่อทำมาได้ระยะหนึ่งแล้วจึงตัดสินใจบอกกล่าวให้คนทั่วไปได้รับรู้ผ่าน Blog นี้ เผื่อจะมีโอกาสทำให้ได้ดีขึ้น มากขึ้น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่ที่แรงสนับสนุน หากท่านเป็นคนหนึ่งที่พอจะเห็นในเจตนาอันบริสุทธิ์นี้และอยากมีส่วนร่วมโปรดอย่าลังเลที่จะติดต่อผมได้ที่ meteekns79@gmail.com หรือแสดงความคิดเห็นให้คำแนะนำมาที่ Blog นี้

Friday, March 3, 2017

เมธีกับการสื่อสาร ต.ตอนต้นเรื่อง เรื่องตอที่ต้องเตือนตนให้ตัดจัดจากเหล่าเสือโก้ก



จดหมายเปิดผนึกถึงผู้เกี่ยวข้องตามลำดับ( เป็นเรื่องภายในชุมชนระดับชุมชน แต่เป็นตัวอย่างที่มีหรือเป็นปัญหาในสังคมระดับประเทศ )
เรื่อง (ตอที่ต้องช่วยกันขุด) ปัญหาการสื่อสารกับการแก้ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นในชุมชน (เหล่าเสือโก้ก)

เรียน นายกรัฐมนตรี (ผ่านผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 หมู่ 9 นายอำเภอเหล่าเสือโก้ก ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี และหรือ
            ผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน )

ข้าพเจ้านายเมธี แก่นสาร์ เขียนจดหมายเปิดผนึกนี้บนพื้นฐาน บทบาทการทำหน้าที่พลเมืองคนไทยที่ (นายกประยุทธ หรือที่หลายคนเรียกท่านว่าลุงตู่ สนับสนุนเรียกร้องให้ช่วยกันเพื่อชาติ) ต้องช่วยกันแก้ปัญหาชาติ โดยมีพื้นฐานสนับสนุนตามบทบาทหน้าที่ในอดีตคือเป็นข้าราชการบำนาญ อดีตครูผู้พึ่งเกษียณซึ่งเกิดที่บ้านเหล่าเสือโก้กและเป็นผู้หนึ่งที่ได้ทำกิจกรรมจิตอาสาและวิจัยศึกษาปัญหาการศึกษาและความร่วมมือไม่ร่วมมือกันในชุมชนบ้านเหล่าเสือโก้ก (ซึ่งได้เสนอแนะให้ต้นสังกัดเดิมคือคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี พิจารณาสำเนาส่งรายงานการวิจัยฯที่เกี่ยวข้องให้หน่วยงานในพื้นที่รับทราบแล้ว รวมทั้งได้เคยทำหนังสือเรียนข้อมูลข้อเสนอแนะด้านปัญหาการศึกษาฝากถึงผู้นำปัจจุบันตามขั้นตอนมาแล้ว) ซึ่งปัจจุบันได้ย้ายกลับไปอาศัยบ้านในภูมิลำเนาเดิมเลขที่ 234 หมู่ 2 บ้านเหล่าเสือโก้ก อ.เหล่าเสือโก้ก จ.อุบลราชธานี จึงเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในฐานะราษฏรหมู่ 2 แต่ใช้และจ่ายค่าน้ำประปาหมู่บ้าน ที่ปัจจุบันอยู่ภายใต้การดูแลรับผิดชอบของผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ซึ่งได้รับการร้องเรียน และ(ยังเป็นผู้ที่ถือว่าบริสุทธิ์ เพียงแต่มีข้อร้องเรียน) อยู่ในระหว่างการสอบสวนเกี่ยวกับการจัดการบริหารรายได้จากประปาหมู่บ้าน ได้รับทราบจาก นางสาวจิรนันท์ โชติสนธิ์ (ตอ แต๋ม)สมาชิกสภาเทศบาลตำบลเหล่าเสือโก้ก ซึ่งเป็นลูกบ้านหมู่ 9 และหนึ่งในผู้เข้าชื่อร้องเรียนผ่านทางออนไลน์ว่า เทศบาลเหล่าเสือโก้กจะทำพิธีมอบแท๊งค์น้ำที่พึ่งจัดสร้างแล้วเสร็จให้หมู่ 9 ดูแลรับผิดชอบอย่างเป็นทางการ และเทศบาลได้แจ้งให้สท.จิรนันท์รับทราบว่าเตรียมเสนอให้ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ประชุมสมาชิกผู้ใช้น้ำในวันที่ 5 มีนาคม 2560 นั่นก็คือวันมะรืนนี้ (ทราบข้อมูลและเริ่มเขียน เย็นวันที่ 3 มีค 60) ซึ่งบังเอิญข้าพเจ้าได้นัดหมายไปทำภารกิจอื่น ไว้ก่อนแล้ว จึงไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้ แต่เพราะยังไม่เคยได้รับฟังการชี้แจงจากทางผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 หรือผู้มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลสืบสวนมาก่อนเลย  ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจเขียนจดหมายเปิดผนึก ฝากเรียนถามและหรือเรียนเสนอผู้รับผิดชอบที่เกี่ยวข้องในแต่ละระดับดังนี้
1.ข้าพเจ้าเข้าใจว่า กิจการใดอันเป็นกิจการที่บริหารจัดการโดยเงินส่วนรวม สมาชิกผู้มีส่วนได้เสีย หรือจ่ายเงินเพื่อบริการนั้นๆอยู่ ควรมีสิทธิสอบถามติดตามรวมทั้งรับทราบ เรื่องการบริหารจัดการงานอันเป็นไปเพื่อสาธารณะหรือกลุ่มโดยส่วนรวม ในกรณีที่เป็นที่มาของจดหมายเปิดผนึกนี้คือ การบริหารจัดการประปาหมู่บ้าน ที่บ้านเหล่าเสือโก้ก อำเภอเหล่าเสือโก้ก ซึ่งข้อมูลรายละเอียดการบริหารจัดการรายได้ยังไม่เป็นที่เปิดเผยชัดเจน และมีตัวแทนและชาวบ้านบางส่วนได้ทำหนังสือร้องเรียน มาก่อนแล้ว และเท่าที่ทราบผลการสอบสวนเงียบหายไป จนต้องมีการร้องเรียนและมีการสอบสวนอีกครั้งโดยที่ข้าพเจ้าและผู้ใช้น้ำหรือลูกบ้านส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับฟังรับทราบคำชี้แจงเกี่ยวกับการบริหารจัดการรายได้ที่ชัดเจนหรือผลการสอบสวนใดๆ จนนำไปสู่การนัดหมายประชุมวันที่ 5 มีนาคม 2560 นี้ (ข้าพเจ้าในฐานะสมาชิกอาวุโสคนหนึ่งในชุมชนได้แสดงความเห็นและข้อเสนอแนะโดยเปิดเผยทั้งที่วัดและโอกาสอื่นๆในชุมชนว่า ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับส่วนรวม ควรเปิดเผยตรงไปตรงมา ถูกผิด ควรร่วมกันแก้ไข รวมทั้งได้โทรศัพท์เรียนถามท่านนายอำเภอเหล่าเสือโก้กปัจจุบัน หลังจากที่ไม่มีใครให้คำตอบได้จึงทราบว่า ต้องมีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนอีกครั้ง) แต่ปรากฏว่าจนปัจจุบัน ข้าพเจ้าเองก็ยังไม่เคยได้รับแจ้งโดยตรงจากผู้ที่เกี่ยวข้องว่าจะมีการประชุม 5 มีนาคม 2560 ข้าพเจ้าเห็นว่า ผู้เกี่ยวข้องสมควรพิจารณา ระบบขั้นตอน วิธีการสื่อสารประชาสัมพันธ์ เพราะมันนำไปสู่ปัญหา การแก้ปัญหาความโปร่งใสในชุมชน ไม่ทราบที่ข้าพเจ้าคิดและข้อมูลตามที่เรียนมานี้ มีความคลาดเคลื่อนในส่วนใด อย่างไร (ที่ใช้วิธีสื่อสารแบบเปิดเผย เพราะปัญหาลักษณะนี้ เป็นและมีทั่วไปในหลายๆชุมชน หากไม่ใช่แทบทุกแห่งในประเทศไทยและอาจรวมที่อื่นด้วย)
 2. และเมื่อมีกรณีร้องเรียนเกิดขึ้น เพื่อความยุติธรรมและโปร่งใส รวมทั้งเพื่อชื่อเสียงของผู้ถูกร้องเรียนและผู้เกี่ยวข้อง ระบบการสืบสวนสอบสวนควรมีขั้นตอน และการประชาสัมพันธ์อย่างทั่วถึงและให้เวลา เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ถูกร้องเรียนได้ชี้แจงและอธิบายข้อเท็จจริงให้ชุมชนโดยเฉพาะผู้มีส่วนได้เสีย ได้รับรู้รับทราบ  การที่ข้อร้องเรียนเรื่องนี้ซึ่งเท่าที่ข้าพเจ้ารับรู้มีมาตั้งแต่สมัยนายอำเภอคนก่อน ต้องมีการร้องเรียนและสอบสวนใหม่  ลักษณะนี้มีช่องว่างและทำให้เกิดคำครหา นำไปสู่ความไม่ไว้ใจระหว่างฝ่ายปกครองกับชาวบ้าน (มีการประชุม ที่ข้าพเจ้าทราบว่าเกี่ยวพันกับการประเมินผลงานผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ครั้งล่าสุด แต่ข้าพเจ้าอยู่ในส่วนที่หลายคนรวมทั้งผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ได้ให้ความเห็นว่า ไม่เกี่ยวเพราะไม่ใช่ลูกบ้านหมู่ 9 โดยที่มองข้ามข้อเท็จจริงที่ว่า มีลูกบ้านหมู่ 2 จำนวนหนึ่งเป็นผู้ใช้น้ำและจ่ายค่าน้ำประปาหมู่บ้านซึ่งดูแลรับผิดชอบโดยผู้ใหญ่บ้านหมู่9 ยิ่งไปกว่านั้น มีลูกบ้านหมู่ 9 เองอีกไม่น้อยที่แจ้งว่าไม่ได้รับทราบเรื่องการประชุมประเมินผู้ใหญ่บ้าน ข้อมูลนี้เป็นอีกหลักฐาน ข้อมูลที่สะท้อนว่าระบบการตรวจสอบ ประเมินในชุมชน สมควรได้รับการพัฒนา ) ข้อมูล ความคิดในข้อนี้ ของข้าพเจ้ามีส่วนคลาดเคลื่อนหรือผิดจากข้อเท็จจริงหรือขัดต่อระเบียบการบริหารปกครองของท้องถิ่นหรือไม่อย่างไร
3. ข้าพเจ้าขอเรียนยืนยันว่า ข้าพเจ้าเรียนแสดงความคิดเห็นและสอบถามมา ด้วยความบริสุทธิ์ใจ และขอเรียนเพิ่มเติมโดยเปิดเผยในข้อ 3 นี้ว่า นอกจากการใช้สิทธิ์ในฐานะผู้มีส่วนได้เสียในชุมชนแล้ว ข้าพเจ้ายังเห็นว่า ปัญหาการสื่อสาร การจัดการกับปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นตลอดจนการพัฒนาชุมชน เป็นปัญหาระดับชาติ และเชื่อมโยงเกี่ยวพันกับระบบการปกครองการเมืองโดยรวม และเมื่ออ้างอิงสืบเนื่องจากงานวิจัยศึกษา ซึ่งข้าพเจ้าได้ศึกษามาทั้งเป็นและไม่เป็นทางการ ปัญหาหลักปัญหาหนึ่งในสังคมไทย คือ ปัญหาความมีไม่มีคุณธรรมของเจ้าหน้าที่ และหรือผู้นำ ปัญหาการเมือง ปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับวัฒนธรรม กับความไม่มีวินัย ความไม่ชัดเจนในการแยกแยะระหว่างเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวกับกฎกติกาความถูกต้องในการปฏิบัติหน้าที่ เช่น  คำพูดที่ว่า ต้องช่วยกันกำจัดปัญหาการลำเอียง ใช้อำนาจหน้าที่ช่วยเหลือพวกหรือเครือญาติ ซึ่งถือว่าผิดและสมควรช่วยกันแก้ไข กับคำพูด กับวัฒนธรรมที่ว่า คนไทยต้องมีน้ำใจต้องให้ความสำคัญต่อความเป็นพี่เป็นน้อง ซึ่งหลายคนแม้ระดับผู้นำก็มีปัญหาในการปฏิบัติช่องนี้ตรงนี้ เช่น เมื่อปัญหาเกิดกับคนใกล้ตัวก็หันไปกล่าวอ้างว่า หยวนๆกันบ้าง เป็นที่รับทราบว่าใครๆเขาก็ทำกันมา จะมาเอาเป็นเอาตายอะไรกันนักหนา…” นายเมธี แก่นสาร์ เอง ก็เจอปัญหาการแยกแยะนี้ เช่น ถูกกล่าวหาว่า ไม่เอาพี่เอาน้อง” “ตรงหรือจริงจังเกินไป (นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเหล่าเสือโก้กคนปัจจุบัน ก็เคยให้ความเห็นและมองว่าเป็นปัญหา เมื่อข้าพเจ้าเปรยเรื่องปัญหาการประสานงาน ปัญหาการพนัน การดื่มสุรายาเสพติด) ในกรณีการสืบสวนสอบสวนที่เหล่าเสือโก้ก ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ก็ได้กล่าวว่า การติเพื่อก่อทำได้และควรทำแต่ไม่ควรติเพื่อทำลาย ซึ่งข้าพเจ้าก็เห็นด้วย แต่เมื่อพิจารณาจากมุมของภาษาและความหมาย ในด้านการสื่อสารแล้ว มันต้องชัดว่า เมื่อไรคือการทำลายเมื่อใดคือการทำตามกฎกติกา ซึ่งทุกคนควรชัดเจนว่าผู้ใด ใช้อำนาจหน้าที่ไปในทางที่ผิดหรือเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน โดยเจตนา เช่นพยายามปกปิด หรือยังไม่ยอมรับผิด สมควรได้รับโทษตามความผิดนั้นๆ และออกจากหน้าที่ตำแหน่งที่ส่งผลได้ผลเสียต่อส่วนรวม ซึ่งการให้รับโทษรับผลจากความผิดที่บุคคลนั้นทำ(ถ้าได้ทำผิดจริง) ไม่ใช่การทำลาย แต่เป็นการช่วยลดโอกาสในการทำลายสังคมของบุคคลนั้นๆ เป็นการให้โอกาสให้เขาได้ใช้เวลาพิจารณาปรับปรุงแก้ไขตนเอง นั่นคือสิ่งที่ข้าพเจ้าคิด และเห็นว่า ความไม่ชัดเจนในภาษาในการสื่อสาร เป็น ตอ ในสังคมไทย และตอที่สำคัญมากๆ ขุดยากมากๆคือตอใหญ่ๆ ยิ่งตอใหญ่ยิ่งขุดทำลายยากขณะที่มีประสิทธิภาพในการทำลายหรือเป็นอุปสรรคเป็นปัญหามาก และตอที่ใหญ่กว่าตอใดๆ คือตอตัวตน แต่ละคนจึงควร ต้องหันดูตัว และช่วยขุดตอในตนเอง เปลี่ยนจากตอที่เป็นอุปสรรค ให้เป็นตอต้นแบบ ที่ให้ตอตัวตนคนตัวน้อยๆได้เดินตาม ช่วยกันกำจัดตอ แล้วตั้งต้นปลูกต้นแบบใหม่ๆ เพื่อการเดินต่อของสังคมโดยรวมตนเตือนตนนั่นแหละดี ไม่ว่าตอตนจะสีใดอย่าได้มองแต่เรื่องตู่กันไปมา แต่ควร หันตอตามามองตนค้นให้เจอว่าจะต่อหรือจะตัดต้นตอปัญหา ผมนายเมธี แก่นสาร์ ครูแก่ในกายที่กำลังชรา ก็กำลังทำตามสัญญา ทำหน้าที่ครู ที่เท่าที่รู้ยังติดค้างอยู่ในตอตัวแม้เกษียณ ด้วยผมได้เฝ้าเพียร จะเขียนหนังสือ เมธีและการสื่อสาร มานาน ผ่านการเลื่อนมาเรื่อยนับเนื่องจากที่ได้ขออนุญาตนายแบบนางแบบปกไว้ เพราะสะดุด หยุดกึก ตอนมีการปฏิวัติรัฐประหาร จนอาการสับสน ทนแรงเสียดทานไม่ได้ และได้ เขียนจดหมายลงทะเบียนเรียนชี้แจงพลเอกประยุทธ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี ตั้งแต่มิถุนายน 2557 รวมทั้งเข้าไปติดต่อขอแสดงความบริสุทธิ์ใจในค่ายทหารที่วารินชำราบ ตามที่แจ้งและรับทราบกัน งานหนังสือถูกเลื่อนมาจนก่อนเกษียณ ได้เรียนผ่านสื่อ ผ่านปฏิทินข้อคิดที่แจกในงานเกษียณกันยา 59 ว่า ผมจะขอสื่อสารบอกเล่าในหมวด ตอเอ๋ยตอเต่า ด้วยครูเก่าต้องยอมรับในความเป็นผู้เฒ่า ที่ก็คงต้องเข้าโลงในไม่ช้า ผมจึงว่ามา บอกมา ในรูปแบบจดหมายเปิดผนึก ตามสำนึกและปัญญา ว่าตามประสบการณ์ตรง ส่งจากเหล่าเสือโก้ก หากโชคไม่ร้ายจนเกินไป ปัญญาสมองยังแจ่มใจอยู่บ้าง การสื่อสารมาครั้งนี้ น่าจะให้นายเมธี แก่นสาร์ เกิดได้หน้าได้ผลหรือได้รับความเข้าใจในเจตนาดีมากกว่าการมองว่าเป็นติการประจานเพื่อการทำลาย และผมครูเฒ่าเจ้าปัญหานามเมธีคนนี้คงจะดีใจหลายๆ หากท่านที่ได้อ่าน สาร ในรูปแบบจดหมายเปิดผนึกนี้ จะให้ความคิดเห็น สะท้อนย้อนบอกตลอดจนให้คำแนะนำ ด้วยเมตตา แก่ข้าพเจ้านายเมธี ผู้เฒ่าที่เข้าใจว่ายังมีตอ ตัวตนและคงคล้ายๆกับอีกหลายคนที่หนีไม่พ้นต้องผจญตอต่อจนตัวหรือชีวิตตายมลายไป

จึงเรียนมาเพื่อทราบ และพิจารณา พร้อมทั้งขออภัยในส่วนที่อาจพาดพิงผิดพลาดโดยไม่เจตนา 

ขอแสดงความนับถือ
 นายเมธี แก่นสาร์ ( สื่อสารทำงานเสร็จเด็ดตอแรกเมื่อ 05.59 เช้า 4 มีค 60)
 หลังจากได้พยายามติดต่อให้ผู้เกี่ยวข้อง คือสท.แต๋ม และ สมาชิกคนบ้านเหล่าเสือโก้กอีก 2 ท่านช่วยอ่านทบทวนตรวจสอบ แต่ด้วยเวลาที่จำกัด ต้องไปทำภารกิจอื่นต่อ จึงรอ ความเห็นมากกว่านี้ไม่ได้ เมื่ออย่างน้อยก็ได้รับความเห็นชอบและผ่านความเห็นของ 1 ในสามที่สนับสนุนว่า คนในชุมชนควรได้รับข้อมูลตามข้อเท็จจริงและการติดตามสอบถามข้อเท็จจริงแบบตรงไปตรงมา น่าจะเป็นที่เข้าใจและทำได้ ขณะที่ตัวคุณจีรนันท์ หรือต.แต๋มต้นเรื่องในฐานะ ผู้ที่ทำหน้าที่ผู้นำผู้แทนคนหนึ่งในชุมชน โดยตำแหน่ง และลูกบ้านหมู่ 9 ที่แม้เที่ยวนี้จะยังไม่ได้ตอบยืนยันมาแต่ได้มีการพูดคุยประสานข้อมูลกันในฐานะคนในหมู่บ้านเดียวกันและมีความต้องการให้ชุมชนมีการบริหารจัดการที่โปร่งใสชัดเจนขึ้นกว่าเดิม เหมือนกันและนายเมธี แก่นสาร์ ได้เคยขออนุญาตอ้างอิงเปิดเผยตัวตนและเจ้าตัวได้อนุญาตมาก่อนแล้ว จึงตัดสินใจโพสท์เผยแพร่ 08:21 น.เช้า 4 มีนาคม 2560 โดยการเผยแพร่ผ่านบล็อกซึ่ง ผู้ไม่เกี่ยวข้องคงไม่เข้ามาดูรายละเอียดอยู่แล้ว


ปล. ฝาก สท.ตอ แต๋ม


ผู้ซึ่งเป็นสมาชิกคนหนึ่งในกลุ่ม รวมมิตรเมธี เพื่อสิ่งดีๆที่บ้านเหล่าฯมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งกลุ่ม และเป็นผู้ที่ทำงานและประสานงานเพื่อชุมชนมาโดยสม่ำเสมอ พิจารณาทำการปริ๊นต์เพื่อสำเนาเสนอให้ผู้เกี่ยวข้องและที่ประชุมวันที่ 5 มีค 2560 รับทราบตามที่ร้องขอไว้ด้วย ขอบคุณครับผม 

No comments:

Post a Comment