ขอเพียงแค่เราต้องการ เราทุกคนล้วนสามารถทำอะไรอะไรหลายๆอย่างให้แก่คนอื่น แก่ชุมชนได้ ในฐานะที่อยู่ในสายวิชาการ และมีพื้นเพมาจากชุมชนชนบท เมื่อผมมีโอกาสได้เห็นสังคมภายนอกได้เรียนรู้ในความต่างความเหมือนแล้ว ผมมีความประสงค์ที่จะเข้าไปมีส่วนรับรู้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับชุมชน หาแนวทางลดช่องว่างทางความคิดระหว่างคนที่มีภูมิหลังและประสบการณ์ต่างกัน อยากมีส่วนช่วยเพิ่มโอกาสให้เด็กในชนบทได้มีโอกาสรับรู้เรียนรู้มากขึ้นเพราะผมพอจะทราบว่าคนในชนบทกับคนเมืองหรือคนจนกับคนรวยนั้นต้นทุนห่างกันเพียงใด นั่นเป็นเหตุผลที่ผมมักกลับไปที่หมู่บ้านที่ผมจากมา (บ้านเหล่าเสือโก้ก)โดยไปสอนเด็กๆแบบให้เปล่าในวันหยุดเท่าที่เวลาจะอำนวยมากว่าสี่ห้าปีแล้ว บางครั้งผมก็พานักศึกษาที่เต็มใจไปช่วยไปร่วมกิจกรรมกับเด็กๆ บางครั้งก็เชิญแขกชาวต่างชาติไปบ้างตามโอกาส อาจจะทำไม่ได้มากมายแต่ผมก็สุขใจที่ได้ทำ ผมอยากทำให้มากขึ้น แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้าง เมื่อทำมาได้ระยะหนึ่งแล้วจึงตัดสินใจบอกกล่าวให้คนทั่วไปได้รับรู้ผ่าน Blog นี้ เผื่อจะมีโอกาสทำให้ได้ดีขึ้น มากขึ้น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่ที่แรงสนับสนุน หากท่านเป็นคนหนึ่งที่พอจะเห็นในเจตนาอันบริสุทธิ์นี้และอยากมีส่วนร่วมโปรดอย่าลังเลที่จะติดต่อผมได้ที่ meteekns79@gmail.com หรือแสดงความคิดเห็นให้คำแนะนำมาที่ Blog นี้

Thursday, November 24, 2011

ความสงสัยของครูแก่ที่อาจเป็นแค่คำรำพึงรำพัน

        ใจยังไม่แก่ ยังคิดจะสู้ ยังอยากรู้ในคำตอบกับหลายๆคำถาม แต่เมื่อเห็นตัวเองในกระจก เมื่อดูตัวเลขอายุ ดูความต่างของวัย ใจก็อดไม่ได้ในความเป็นไปได้ที่ว่า ที่ตนเองมีคำถามมากมาย ที่ Keep asking why? May be, the answer is...because you are too old to understand...อาจเป็นความคิดคนละรุ่น คนละวัย ที่เกิดสงสัยว่า ทำอย่างไรจะสื่อกับคนรุ่นใหม่ ได้ ....กับความไม่เข้าใจที่ว่า เมื่อตกลงกันด้วยดี เข้าใจกันแล้วว่า นี่คือแนวทางที่ควรเป็นด้วยเหตุด้วยผล ...ไม่มีการบังคับ...แต่ถ้าพร้อมจะมาพบมาเจอ มาพูดมาคุย มาแก้ปัญหาร่วมกัน ..เธอฉัน ..ครูศิษย์ มาร่วมกันคิดมาร่วมกันลองดูซักตั้ง....ครับค่ะคือคำตอบที่ได้ ใจครูก็คาดหวังว่า คงได้ลองได้ศึกษา คงเห็นทางจะพัฒนา แก้ปัญหาการศึกษาเท่าที่พอทำได้...แต่เริ่มไปได้เพียงนิดก็เหมือนจะผิดพลาด ...ประหลาดใจอยู่บ่อยครั้งที่เหมือนดังสัญญาใจไร้ความหมาย แต่ละคนต่างติดธุระกันมากมาย...ที่หวังจะรู้จะดูผลที่หลากหลาย ความหวังนั้นก็ทลายโดยไม่ทันถึงปลายทาง...
        1. จังหวะไม่ลงตัวไม่ได้ post ลงบล็อกตัวเองนานพอดู อยากใช้ตรงนี้เป็นที่สื่อสารอีกทางหนึ่งเลยเขียนๆออกมาตามที่คิด เผื่ออาจสะกิดท่านที่อ่าน อาจได้รับการชี้แนะหรือร่วมแลกเปลี่ยนความคิด เป็นมิตร เป็นครู เป็นคู่สนทนากัน ถ้าพอมีเวลาก็ Post commentได้ครับผม โดยจะเข้ามาดูมาตอบบ่อยขึ้น
         2. เพราะเป็นครูมาตลอดชีวิต จึงคิดอะไรเอียงไปทางด้าน เยาวชน เรื่องสังคมโดยเฉพาะเห็นว่าปัจจุบันขณะที่มีแหล่งเรียนรู้ที่หลายหลาย รวดเร็วทันใจ มันมีสิ่งยั่วยุมากมาย ทำให้ความคิด วิธีการดำเนินชีวิต วิธีการสื่อสารของคนเปลี่ยนไปมาก โดยส่วนตัวรู้สึกเสียดายที่ดูเหมือนผู้คนจะเอียงไปทางวัตถุนิยม มุ่งหาแต่โอกาสแห่งการได้มาซึ่งทรัพย์สิน ชื่อเสียง โดยไม่ค่อยเกี่ยงวิธีการ ขาดรายละเอียด ขาดความละมุนลไมแบบไทยๆที่เคยมี
         3. ที่สำคัญประการหนึ่ง มีเยาวชน นักศึกษาจำนวนไม่น้อยที่อาจสับสน หรือไม่ได้รับการฝึกมาเท่าที่ควร ที่มุ่งอยากได้เกียรติบัตร ปริญญา แต่ไม่ค่อยพร้อมที่จะลงทุนลงแรง ความคิด วิธีการคิดก็ยังจำกัด ไม่ค่อยมีความอดทน ซึ่งจะโทษเขาฝ่ายเดียวก็คงไม่ได้ เพราะผู้ใหญ่เองก้เปลี่ยนไป อย่างไรก็ตามมีเด็กดีๆที่ดูเหมือนจะพอบอกพอสอนได้ไม่น้อย อยากได้รู้จักพวกเขา อยากฝึกพวกเขาในแนวทางที่เคยได้รับการฝึกมา และที่ได้เรียนรู้มา แต่ก็ยังไม่เคยได้ทำอย่างเต็มที่เพราะติดขัดเรื่องเวลา ที่สำคัญอย่างยิ่งคือตนเองยังไม่สามารถโน้มน้าวให้นักศึกษาเหล่านี้มีความอดทน และรักษาสัญญาได้เคร่งครัดพอที่จะมาเรียน มาพูดคุยอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องได้อย่างเต็มที่ตามเวลาที่พอจะสรุปผลการดำเนินการได้ ...แน่นอนว่า ผมเองต้องมีส่วนรับผิดชอบตรงนั้นด้วย....นั่นคือข้อสงสัยที่ยังถามตนเองอยู่ว่าผมพลาดตรงไหน มีอะไรที่ต้องแก้ไข เพื่อเข้าไปสู่ใจ และสัญญาของคนรุ่นใหม่ ....
             I hope that we are not too far apart to communicate...หวังว่าความปรารถนาดีในใจคงฝ่าฟันช่องว่างระหว่างวัยและประสบการณ์ที่กั้นเราอยู่???หรือคุณครู-นักศึกษาท่านอื่นๆคิดอย่างไรครับผม!!!!!


อ.เมธี (ดร.ชิต ณ เหล่าเสือ)



       

No comments:

Post a Comment