หลังจากสะบักสะบอมกับการตรวจ
การพิจารณาทำผลการเรียนมาหลายวัน เมื่อคืนเข้านอนเร็ว ตอนเช้า (26 มีนาคม 2557) ตื่นประมาณตีห้า ตั้งใจว่าจะเก็บงานอื่นที่ยังคั่งค้าง แต่พอเปิดเฟซก็เจอข้อความนี้
(ได้ตัดส่วนที่เป็นชื่อหรือข้อมูลที่จะนำไปสู่เจ้าของข้อความออกแล้วเพราะไม่ได้มุ่งต่อว่าใครคนใดแต่ต้องการนำมาเป็นตัวอย่างสื่อสารและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับทุกคน)
“ขออนุญาตนะคะอาจารย์ นู๋นางสาว…….. นู๋อยากทราบว่า
ciatt คือคะแนนเข้าเรียนใช่ไหมคะ ทำไมนู๋ได้แค่ 1.5 เพื่อนเค้าได้2 ทั้งที่นู๋ก้อเข้าเรียนทุกคาบไม่เคยขาด นู๋ตั้งใจเรียนกับอาจารย์มากนู๋หวังว่าการเรียน….. ครั้งที่สองจะทำให้นู๋ผ่านไปได้ อาจารย์คะช่วยนู๋หน่อยนะคะ นู๋อยากผ่านครั้งนี้มากนู๋ไม่อยากเรียนครั้งที่สามแล้วคะ อาจารย์เห็นใจนู๋หน่อยนะคะ นู๋เหลืออีก3คะแนนคะ อาจารย์จะให้นู๋ทำงานอะไรส่งก็ได้คะ อาจารย์ช่วยนู๋หน่อยนะคะ ขอบคุณอาจารย์มากคะ”
คำตอบถึงเจ้าของข้อความ
ก่อนอื่นครูต้องขอโทษที่นำกรณีหนูมาใช้เป็นตัวอย่างสื่อสารกับคนอื่นด้วย
เพราะเห็นว่ามันน่าจะช่วยให้ทุกคนได้ช่วยกันคิด เผื่อครูคิดผิดตรงไหนจะได้มีคนกลางที่ไม่ได้มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องมาร่วมแสดงความคิดเห็นที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย
เพราะปัญหานี้ครูเจอมาบ่อย พูดมามาก และมีโอกาสเจออีก
ในสังคมในการคิดแบบไทยๆที่เป็นอยู่ครูก็จะได้ประหยัดเวลาและเรียนรู้ไปด้วย ครูขอตอบเราเป็นข้อๆดังนี้
1.
ส่วนดี
ที่ต้องชม หนูใช้ภาษา ใช้วิธีการ คำพูดที่สุภาพ มีมารยาทในการถามดี….แต่ที่ครูรู้สึกเหนื่อยและไม่สบายใจอยู่บ้างก็เพราะสิ่งที่หนูขอมามันเป็นสิ่งที่ครูได้อธิบายได้เตือนแล้วว่า
กรุณาอย่ามาขอทีหลัง แต่ก็ขอตอบแต่ละประเด็นตั้งแต่ข้อ 2 เป็นต้นไปดังนี้
2. ใช่
Class attendance
คือคะแนนเวลาเข้าเรียน ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นคะแนนช่วยก็ให้ไปเลยแค่การมาเข้าเรียน
ครูไม่เห็นด้วยนักเพราะมันไม่ได้ช่วยพัฒนาสติปัญญาอะไร แต่ก็ยอมรับสภาพความจริง
แต่ก็ได้ขอพิจารณาความสนใจ ความเอาใจใส่เข้าร่วมนิดๆแต่80% ดูที่จำนวนครั้งเข้าเรียน เผลอๆเวลาคะแนนรวมหวุดหวิดที่ครูมักจะทำก็คือมาปรับตรงนี้ได้ถ้าไม่เกินเพดาน
3.ครูแน่ใจว่าหนูเคยไม่เข้าเรียนแน่นอน
ยกเว้นข้อมูลครูผิดพลาด แต่น่าจะไปดูวันที่ได้
หากเราแน่ใจว่าไม่เคยขาดเลยตามที่พูด ไม่ใช่เข้าข้างตนเองก็ขอให้มายืนยัน
และร่วมดูในข้อมูลที่มี ครูก็อยากทราบว่ามันคลาดเคลื่อนตรงไหน หรือเราเองจำไม่ได้
4.ต่อให้ครูพลาดจริง
แต่หนูก็ทราบแล้วว่า หนูตกไปหลายคะแนนมากกว่าที่จะได้จากคะแนนเวลาเข้าเรียน …หนูยังเลือกขอคะแนน หรือของานพิเศษอีก ตรงนี้ครูว่าเราพูดกันแล้ว
ว่า ก่อนเรียน มีการแบ่งคะแนนต่างๆเป็นส่วนๆ มีการสอบ มีงานกลุ่ม และทำเหมือนกันทุกห้อง
กับผู้เรียนผู้สอนทุกคน จะมาขอสิทธิ์พิเศษเฉพาะราย ทำไม่ได้ ยิ่งหลัง ผลการเรียนออกไปแล้ว
ประกาศไปแล้ว…การไปแก้ไขเป็นการทุจริตโดยหลักฐานชัดเจน ….กฎกติกาต่างๆเราร่วมรับรู้มาตั้งแต่ต้น…จะมาใช้ระบบซ่อมงานแบบมัธยมไม่ได้
5. เรื่องความเห็นใจ
…หากหมายถึงการไม่อยากให้นักศึกษาตก ขอตอบว่าไม่มีครูปกติคนไหนที่ดีใจเมื่อนักศึกษามีผลการเรียนต่ำกว่าเกณฑ์
เพราะการที่ครูสอนก็เพื่อให้นักศึกษามีความรู้ผ่านเกณฑ์ไป การที่นักศึกษาตก
มันจึงสะท้อนทั้งตัวผู้เรียนและตัวผู้สอนด้วย…ขณะเดียวกัน
การจะให้ไปแก้ผลการเรียนให้เด็กผ่านเพื่อบอกว่าผลการสอนมันดี มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง….เพราะส่วนหนึ่งที่เป็นปัญหามากๆในระบบการศึกษาไทย
คือหลายส่วน ผู้เรียนผ่านขึ้นมาโดยที่ผลการเรียนไม่ได้ได้มาด้วยความสามารถที่ถึงเกณฑ์หรือตรงกับความรู้ความสามารถที่แท้จริง
หน้าที่ของครูคือการให้การศึกษา
และพยายามถ่ายทอดความรู้ให้ผู้เรียนมีความรู้ตามเกณฑ์ ไม่ใช่เป็นเพียงผู้แจกตั๋วแจกเกรดเพื่อให้ผ่านไปเป็นปัญหาในระดับที่สูงขึ้น
….ผู้เรียนเองก็มีหน้าที่ที่ต้องปรับตัวปรับความสามารถให้ถึงเกณฑ์การวัดผล
(ลึกๆแล้วคือการหาและสะสมความรู้ไปประกอบอาชีพ)ไม่ใช่ขอคะแนนหรือขอให้ผู้สอนปรับเกณฑ์การวัดผลเพื่อช่วยตนเอง
(เพื่อเอาประกาศหรือปริญญารับรองทั้งๆที่ไม่มีความรู้)
6. ประเด็นการเรียนซ้ำ
ครั้งที่สองที่สาม ไม่ใช่เหตุผลในการให้ผ่านหรือไม่ให้ผ่าน…เหตุผลอยู่ที่ว่าเรียนครั้งนั้นๆแล้วผู้เรียนมีความรู้ถึงระดับที่ทำคะแนนผ่านเกณฑ์หรือไม่…..แม้แต่คนที่ผ่านไปแล้วหากกลับมาเรียนใหม่
แต่ขยันน้อยกว่าเดิมก็อาจตกได้ หรือต่อให้เป็นปีสุดท้าย
หากไม่ผ่านจะโดนให้ออก ก็ไม่ใช่เหตุผลหลักในการพิจารณาตัดเกรด
การตัดเกรดคือการตรวจสอบว่า คะแนนผลการเรียน ทำได้ถึงเกณฑ์พอที่จะสรุปว่าผู้เรียนมีความรู้ความสามารถตามหลักสูตรหรือไม่
7. เรื่องความตั้งใจเรียน
เป็นสิ่งที่เคยย้ำและชี้ให้ดูหลายครั้งมาก….เชื่อว่าหลายคนอาจตั้งใจมากกว่าเดิมจริง…แต่ขอยืนยันว่าที่หลายคนพูดว่าตั้งใจ ที่ว่าเอาใจใส่ อย่าว่าแต่เต็มที่หรือ
แค่พอเลย …หลายครั้งมันยังไม่มากพอ ….ไม่ต้องคิดซับซ้อนมากมาย…แค่ลองถามและตอบตนเองโดยไม่ลำเอียงซิว่า…ทำการบ้านที่ได้รับมอบหมายมาล่วงหน้าทุกครั้งหรือไม่ ..ไปทบทวนบทเรียนแล้วมีคำถามส่วนที่ไม่เข้าใจมาถามผู้สอนกี่ครั้ง….เกือบทุกชั้นเรียน ที่ผ่านมา ครูบอกได้เลย โดยเฉลี่ยแล้ว
ตลอดทั้งเทอมแค่คนละหนึ่งคำถามยังแทบหาไม่ได้…..ดังนั้นอย่ามาอ้างว่าตั้งใจเต็มที่…นักศึกษาไทยในปัจจุบันควรพัฒนาตนเองด้านความเอาใจใส่ ความรับผิดชอบในหน้าที่ขึ้นอย่างมากๆ….ในความเห็นของผู้สอนหลายๆคนรวมทั้งนายเมธี แก่นสาร์
นักศึกษาไทยส่วนใหญ่ เรียนสบายเกินไป และขยันค่อนข้างน้อยเหมือนไม่รู้หน้าที่เหมือนเรียนไปงั้นๆโดยไม่มีเป้าหมาย…ที่แย่และทำใจลำบากคือทั้งๆที่ไม่ค่อยเอาใจใส่แต่อยากได้เกรดและชอบมาขอความเห็นใจตอนผลการเรียนออกมาแล้ว
…ที่แย่ไปกว่านั้นมีผู้ใหญ่จำนวนไม่น้อยพลอยเอออวยและสนับสนุนไปกลายๆด้วยคำพูดแบบไม่คิดว่า
“จะเอาอะไรนักหนาพอช่วยมันได้ก็ช่วยเขาไปเถอะ”….ในความเห็นของครู หากเราไม่เรียนรู้ที่จะยอมรับว่าตนเองก็มีส่วนรับผิดชอบ
หากไม่ช่วยกันรักษาระเบียบกติกา ไม่พยายามมีมาตรฐานทางการคิดการศึกษา แต่กลับมาช่วยกันแก้กติกาหรือลดมาตรฐานแล้วปล่อยให้มีผู้ที่ไม่มีความรับผิดชอบไม่มีความรู้
ไม่มีความสามารถตามวุฒิเต็มบ้านเต็มเมือง…บ้านนี้เมืองนี้ คงมีแค่การร้องขอความเห็นใจ….นั่นคือสิ่งที่ปัญญาชนเมืองไทยควรเป็นหรือไม่???????????
นั่นคือคำตอบและความคิดเห็นที่ปรารถนาจะแชร์
และจะขอบคุณมากหากคุณไม่ว่าใครจะช่วยแนะนำว่าผมคิดผิดตรงไหน อย่างไร
หรือมองข้ามอะไรไป
นายเมธี แก่นสาร์
No comments:
Post a Comment