ขอเพียงแค่เราต้องการ เราทุกคนล้วนสามารถทำอะไรอะไรหลายๆอย่างให้แก่คนอื่น แก่ชุมชนได้ ในฐานะที่อยู่ในสายวิชาการ และมีพื้นเพมาจากชุมชนชนบท เมื่อผมมีโอกาสได้เห็นสังคมภายนอกได้เรียนรู้ในความต่างความเหมือนแล้ว ผมมีความประสงค์ที่จะเข้าไปมีส่วนรับรู้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับชุมชน หาแนวทางลดช่องว่างทางความคิดระหว่างคนที่มีภูมิหลังและประสบการณ์ต่างกัน อยากมีส่วนช่วยเพิ่มโอกาสให้เด็กในชนบทได้มีโอกาสรับรู้เรียนรู้มากขึ้นเพราะผมพอจะทราบว่าคนในชนบทกับคนเมืองหรือคนจนกับคนรวยนั้นต้นทุนห่างกันเพียงใด นั่นเป็นเหตุผลที่ผมมักกลับไปที่หมู่บ้านที่ผมจากมา (บ้านเหล่าเสือโก้ก)โดยไปสอนเด็กๆแบบให้เปล่าในวันหยุดเท่าที่เวลาจะอำนวยมากว่าสี่ห้าปีแล้ว บางครั้งผมก็พานักศึกษาที่เต็มใจไปช่วยไปร่วมกิจกรรมกับเด็กๆ บางครั้งก็เชิญแขกชาวต่างชาติไปบ้างตามโอกาส อาจจะทำไม่ได้มากมายแต่ผมก็สุขใจที่ได้ทำ ผมอยากทำให้มากขึ้น แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้าง เมื่อทำมาได้ระยะหนึ่งแล้วจึงตัดสินใจบอกกล่าวให้คนทั่วไปได้รับรู้ผ่าน Blog นี้ เผื่อจะมีโอกาสทำให้ได้ดีขึ้น มากขึ้น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่ที่แรงสนับสนุน หากท่านเป็นคนหนึ่งที่พอจะเห็นในเจตนาอันบริสุทธิ์นี้และอยากมีส่วนร่วมโปรดอย่าลังเลที่จะติดต่อผมได้ที่ meteekns79@gmail.com หรือแสดงความคิดเห็นให้คำแนะนำมาที่ Blog นี้

Tuesday, March 25, 2014

ความคิดความเห็นเรื่องนักศึกษากับผลการเรียนหรือเกรด

อีกครั้งกับเรื่องเกรดหรือผลการเรียนของนักศึกษา

หลังจากสะบักสะบอมกับการตรวจ การพิจารณาทำผลการเรียนมาหลายวัน เมื่อคืนเข้านอนเร็ว ตอนเช้า (26 มีนาคม 2557) ตื่นประมาณตีห้า ตั้งใจว่าจะเก็บงานอื่นที่ยังคั่งค้าง แต่พอเปิดเฟซก็เจอข้อความนี้ (ได้ตัดส่วนที่เป็นชื่อหรือข้อมูลที่จะนำไปสู่เจ้าของข้อความออกแล้วเพราะไม่ได้มุ่งต่อว่าใครคนใดแต่ต้องการนำมาเป็นตัวอย่างสื่อสารและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับทุกคน)

ขออนุญาตนะคะอาจารย์ นู๋นางสาว…….. นู๋อยากทราบว่า ciatt คือคะแนนเข้าเรียนใช่ไหมคะ ทำไมนู๋ได้แค่ 1.5 เพื่อนเค้าได้2 ทั้งที่นู๋ก้อเข้าเรียนทุกคาบไม่เคยขาด นู๋ตั้งใจเรียนกับอาจารย์มากนู๋หวังว่าการเรียน….. ครั้งที่สองจะทำให้นู๋ผ่านไปได้ อาจารย์คะช่วยนู๋หน่อยนะคะ นู๋อยากผ่านครั้งนี้มากนู๋ไม่อยากเรียนครั้งที่สามแล้วคะ อาจารย์เห็นใจนู๋หน่อยนะคะ นู๋เหลืออีก3คะแนนคะ อาจารย์จะให้นู๋ทำงานอะไรส่งก็ได้คะ อาจารย์ช่วยนู๋หน่อยนะคะ ขอบคุณอาจารย์มากคะ

คำตอบถึงเจ้าของข้อความ
ก่อนอื่นครูต้องขอโทษที่นำกรณีหนูมาใช้เป็นตัวอย่างสื่อสารกับคนอื่นด้วย เพราะเห็นว่ามันน่าจะช่วยให้ทุกคนได้ช่วยกันคิด เผื่อครูคิดผิดตรงไหนจะได้มีคนกลางที่ไม่ได้มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องมาร่วมแสดงความคิดเห็นที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะปัญหานี้ครูเจอมาบ่อย พูดมามาก และมีโอกาสเจออีก ในสังคมในการคิดแบบไทยๆที่เป็นอยู่ครูก็จะได้ประหยัดเวลาและเรียนรู้ไปด้วย ครูขอตอบเราเป็นข้อๆดังนี้
1.     ส่วนดี ที่ต้องชม หนูใช้ภาษา ใช้วิธีการ คำพูดที่สุภาพ มีมารยาทในการถามดี….แต่ที่ครูรู้สึกเหนื่อยและไม่สบายใจอยู่บ้างก็เพราะสิ่งที่หนูขอมามันเป็นสิ่งที่ครูได้อธิบายได้เตือนแล้วว่า กรุณาอย่ามาขอทีหลัง แต่ก็ขอตอบแต่ละประเด็นตั้งแต่ข้อ 2 เป็นต้นไปดังนี้
   
2. ใช่ Class attendance คือคะแนนเวลาเข้าเรียน ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นคะแนนช่วยก็ให้ไปเลยแค่การมาเข้าเรียน ครูไม่เห็นด้วยนักเพราะมันไม่ได้ช่วยพัฒนาสติปัญญาอะไร แต่ก็ยอมรับสภาพความจริง แต่ก็ได้ขอพิจารณาความสนใจ ความเอาใจใส่เข้าร่วมนิดๆแต่80% ดูที่จำนวนครั้งเข้าเรียน เผลอๆเวลาคะแนนรวมหวุดหวิดที่ครูมักจะทำก็คือมาปรับตรงนี้ได้ถ้าไม่เกินเพดาน
3.ครูแน่ใจว่าหนูเคยไม่เข้าเรียนแน่นอน ยกเว้นข้อมูลครูผิดพลาด แต่น่าจะไปดูวันที่ได้ หากเราแน่ใจว่าไม่เคยขาดเลยตามที่พูด ไม่ใช่เข้าข้างตนเองก็ขอให้มายืนยัน และร่วมดูในข้อมูลที่มี ครูก็อยากทราบว่ามันคลาดเคลื่อนตรงไหน หรือเราเองจำไม่ได้

4.ต่อให้ครูพลาดจริง แต่หนูก็ทราบแล้วว่า หนูตกไปหลายคะแนนมากกว่าที่จะได้จากคะแนนเวลาเข้าเรียน หนูยังเลือกขอคะแนน หรือของานพิเศษอีก ตรงนี้ครูว่าเราพูดกันแล้ว ว่า ก่อนเรียน มีการแบ่งคะแนนต่างๆเป็นส่วนๆ มีการสอบ มีงานกลุ่ม และทำเหมือนกันทุกห้อง กับผู้เรียนผู้สอนทุกคน จะมาขอสิทธิ์พิเศษเฉพาะราย ทำไม่ได้ ยิ่งหลัง ผลการเรียนออกไปแล้ว ประกาศไปแล้วการไปแก้ไขเป็นการทุจริตโดยหลักฐานชัดเจน ….กฎกติกาต่างๆเราร่วมรับรู้มาตั้งแต่ต้นจะมาใช้ระบบซ่อมงานแบบมัธยมไม่ได้
5. เรื่องความเห็นใจ หากหมายถึงการไม่อยากให้นักศึกษาตก ขอตอบว่าไม่มีครูปกติคนไหนที่ดีใจเมื่อนักศึกษามีผลการเรียนต่ำกว่าเกณฑ์ เพราะการที่ครูสอนก็เพื่อให้นักศึกษามีความรู้ผ่านเกณฑ์ไป การที่นักศึกษาตก มันจึงสะท้อนทั้งตัวผู้เรียนและตัวผู้สอนด้วยขณะเดียวกัน การจะให้ไปแก้ผลการเรียนให้เด็กผ่านเพื่อบอกว่าผลการสอนมันดี มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง….เพราะส่วนหนึ่งที่เป็นปัญหามากๆในระบบการศึกษาไทย คือหลายส่วน ผู้เรียนผ่านขึ้นมาโดยที่ผลการเรียนไม่ได้ได้มาด้วยความสามารถที่ถึงเกณฑ์หรือตรงกับความรู้ความสามารถที่แท้จริง
     หน้าที่ของครูคือการให้การศึกษา และพยายามถ่ายทอดความรู้ให้ผู้เรียนมีความรู้ตามเกณฑ์ ไม่ใช่เป็นเพียงผู้แจกตั๋วแจกเกรดเพื่อให้ผ่านไปเป็นปัญหาในระดับที่สูงขึ้น ….ผู้เรียนเองก็มีหน้าที่ที่ต้องปรับตัวปรับความสามารถให้ถึงเกณฑ์การวัดผล (ลึกๆแล้วคือการหาและสะสมความรู้ไปประกอบอาชีพ)ไม่ใช่ขอคะแนนหรือขอให้ผู้สอนปรับเกณฑ์การวัดผลเพื่อช่วยตนเอง (เพื่อเอาประกาศหรือปริญญารับรองทั้งๆที่ไม่มีความรู้)
6. ประเด็นการเรียนซ้ำ ครั้งที่สองที่สาม ไม่ใช่เหตุผลในการให้ผ่านหรือไม่ให้ผ่านเหตุผลอยู่ที่ว่าเรียนครั้งนั้นๆแล้วผู้เรียนมีความรู้ถึงระดับที่ทำคะแนนผ่านเกณฑ์หรือไม่…..แม้แต่คนที่ผ่านไปแล้วหากกลับมาเรียนใหม่ แต่ขยันน้อยกว่าเดิมก็อาจตกได้ หรือต่อให้เป็นปีสุดท้าย หากไม่ผ่านจะโดนให้ออก ก็ไม่ใช่เหตุผลหลักในการพิจารณาตัดเกรด การตัดเกรดคือการตรวจสอบว่า คะแนนผลการเรียน ทำได้ถึงเกณฑ์พอที่จะสรุปว่าผู้เรียนมีความรู้ความสามารถตามหลักสูตรหรือไม่
7. เรื่องความตั้งใจเรียน เป็นสิ่งที่เคยย้ำและชี้ให้ดูหลายครั้งมาก….เชื่อว่าหลายคนอาจตั้งใจมากกว่าเดิมจริงแต่ขอยืนยันว่าที่หลายคนพูดว่าตั้งใจ ที่ว่าเอาใจใส่ อย่าว่าแต่เต็มที่หรือ แค่พอเลย หลายครั้งมันยังไม่มากพอ ….ไม่ต้องคิดซับซ้อนมากมายแค่ลองถามและตอบตนเองโดยไม่ลำเอียงซิว่าทำการบ้านที่ได้รับมอบหมายมาล่วงหน้าทุกครั้งหรือไม่ ..ไปทบทวนบทเรียนแล้วมีคำถามส่วนที่ไม่เข้าใจมาถามผู้สอนกี่ครั้ง….เกือบทุกชั้นเรียน ที่ผ่านมา ครูบอกได้เลย โดยเฉลี่ยแล้ว ตลอดทั้งเทอมแค่คนละหนึ่งคำถามยังแทบหาไม่ได้…..ดังนั้นอย่ามาอ้างว่าตั้งใจเต็มที่นักศึกษาไทยในปัจจุบันควรพัฒนาตนเองด้านความเอาใจใส่ ความรับผิดชอบในหน้าที่ขึ้นอย่างมากๆ….ในความเห็นของผู้สอนหลายๆคนรวมทั้งนายเมธี แก่นสาร์ นักศึกษาไทยส่วนใหญ่ เรียนสบายเกินไป และขยันค่อนข้างน้อยเหมือนไม่รู้หน้าที่เหมือนเรียนไปงั้นๆโดยไม่มีเป้าหมายที่แย่และทำใจลำบากคือทั้งๆที่ไม่ค่อยเอาใจใส่แต่อยากได้เกรดและชอบมาขอความเห็นใจตอนผลการเรียนออกมาแล้ว ที่แย่ไปกว่านั้นมีผู้ใหญ่จำนวนไม่น้อยพลอยเอออวยและสนับสนุนไปกลายๆด้วยคำพูดแบบไม่คิดว่า จะเอาอะไรนักหนาพอช่วยมันได้ก็ช่วยเขาไปเถอะ”….ในความเห็นของครู หากเราไม่เรียนรู้ที่จะยอมรับว่าตนเองก็มีส่วนรับผิดชอบ หากไม่ช่วยกันรักษาระเบียบกติกา ไม่พยายามมีมาตรฐานทางการคิดการศึกษา แต่กลับมาช่วยกันแก้กติกาหรือลดมาตรฐานแล้วปล่อยให้มีผู้ที่ไม่มีความรับผิดชอบไม่มีความรู้ ไม่มีความสามารถตามวุฒิเต็มบ้านเต็มเมืองบ้านนี้เมืองนี้ คงมีแค่การร้องขอความเห็นใจ….นั่นคือสิ่งที่ปัญญาชนเมืองไทยควรเป็นหรือไม่???????????       
        นั่นคือคำตอบและความคิดเห็นที่ปรารถนาจะแชร์ และจะขอบคุณมากหากคุณไม่ว่าใครจะช่วยแนะนำว่าผมคิดผิดตรงไหน อย่างไร หรือมองข้ามอะไรไป

                          นายเมธี  แก่นสาร์

No comments:

Post a Comment