ขอเพียงแค่เราต้องการ เราทุกคนล้วนสามารถทำอะไรอะไรหลายๆอย่างให้แก่คนอื่น แก่ชุมชนได้ ในฐานะที่อยู่ในสายวิชาการ และมีพื้นเพมาจากชุมชนชนบท เมื่อผมมีโอกาสได้เห็นสังคมภายนอกได้เรียนรู้ในความต่างความเหมือนแล้ว ผมมีความประสงค์ที่จะเข้าไปมีส่วนรับรู้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับชุมชน หาแนวทางลดช่องว่างทางความคิดระหว่างคนที่มีภูมิหลังและประสบการณ์ต่างกัน อยากมีส่วนช่วยเพิ่มโอกาสให้เด็กในชนบทได้มีโอกาสรับรู้เรียนรู้มากขึ้นเพราะผมพอจะทราบว่าคนในชนบทกับคนเมืองหรือคนจนกับคนรวยนั้นต้นทุนห่างกันเพียงใด นั่นเป็นเหตุผลที่ผมมักกลับไปที่หมู่บ้านที่ผมจากมา (บ้านเหล่าเสือโก้ก)โดยไปสอนเด็กๆแบบให้เปล่าในวันหยุดเท่าที่เวลาจะอำนวยมากว่าสี่ห้าปีแล้ว บางครั้งผมก็พานักศึกษาที่เต็มใจไปช่วยไปร่วมกิจกรรมกับเด็กๆ บางครั้งก็เชิญแขกชาวต่างชาติไปบ้างตามโอกาส อาจจะทำไม่ได้มากมายแต่ผมก็สุขใจที่ได้ทำ ผมอยากทำให้มากขึ้น แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้าง เมื่อทำมาได้ระยะหนึ่งแล้วจึงตัดสินใจบอกกล่าวให้คนทั่วไปได้รับรู้ผ่าน Blog นี้ เผื่อจะมีโอกาสทำให้ได้ดีขึ้น มากขึ้น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่ที่แรงสนับสนุน หากท่านเป็นคนหนึ่งที่พอจะเห็นในเจตนาอันบริสุทธิ์นี้และอยากมีส่วนร่วมโปรดอย่าลังเลที่จะติดต่อผมได้ที่ meteekns79@gmail.com หรือแสดงความคิดเห็นให้คำแนะนำมาที่ Blog นี้

Tuesday, June 3, 2014

วันส่งสารประสานท่านผู้ใหญ่


4 มิถุนา 57

งานที่ค้างไว้เป็นปีก็มีแต่เมธีจำใจเลือก….วันนี้ จังหวะชีวิตลิขิตให้ต้องตัดสินใจติดต่อท่านผู้ใหญ่โดยไม่ได้วางแผนมาก่อนเลยหลังรัฐประหารประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนวันชาติอเมริกา 1 เดือนก่อนกำหนดการใช้หนังสือในใจในแผน 2 เดือน..โดยบังเอิญ
 

….เพราะกำหนดเปิดเรียนคือ สิงหา 57 และตามโปรแกรม ในเมื่อยังไม่มั่นคงพอที่จะลาออกได้ในเทอมแรกของทุกปีวิชาหนึ่งที่ต้องสอนประจำคือ ภาษาและการสื่อภาษา ( linguistics and Language Use)แผนและโครงงานเดิมที่จะผูกโยง ประสบการณ์ตรง ชีวิต การใช้ภาษาจริง การคิดวิเคราะห์จริงมาเชื่อมโยง..มาเขียนเป็นเรื่องราวเป็นตัวอย่างประกอบการสอนในรายวิชา….บวกการสอนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การใช้ชีวิต การสื่อสารในสังคมที่ได้ ติดต่อท่านทูตสหรัฐไว้ตั้งแต่ ตุลา 56
จึงถึงเวลาที่ต้องยกมาเร่งให้คลอดออกมาได้ทันใช้……แต้ฟ้าช่างลิขิตชีวิตเมธีสถานการณ์บ้านเมือง เรื่องสี เรื่องคนดี คนเลวความแตกต่าง การปรองดองการเอียงไม่เอียงแล้วก็เกิดเหตุทำให้เหมือนได้เลือกข้าง….ทั้งๆที่เลือกจะมองและยินดีฟังทั้งสองข้าง….และอยากให้เข้าใจไม่อยากให้ไทยให้ใครแตกกันเลยแค่อยากทำหน้าที่ครูอยากรู้อยากศึกษาอยากถ่ายทอดสิ่งที่นักศึกษาหรือผู้สนใจอาจตีความอาจเข้าใจและคิดได้จากสารที่ปรากฏ….แต่เมื่อตอนนี้เป็นช่วงกฏอัยการศึกเมธีจะสื่อสารอย่างไรจะยังคงเป็นตัวเองได้ไหม หากมั่นใจว่ายึดความถูกต้องเป็นหลักโดยจะพยายามไม่หนักที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจนเกินไป….นั่นคือมูลเหตุให้วันนี้ผมกำลังหาทางสื่อสารกับท่านผู้นำไทยในวันนี้ ท่านพลเอก ประยุทธ จันทร์โอชา……(ได้ส่งข้อความไปทางเฟสบุคของท่านประยุทธแล้ว... แต่จะส่งหนังสือหรือจดหมายลงทะเบียนไปอีกครั้ง...จะได้แน่ใจว่าถึงท่านเพราะระดับผู้นำ...งานท่านล้นมือแน่นอนและท่านอาจไม่มีเวลามาพิจารณาเรื่องเล็กน้อยแบบนี้...แต่ผมก็เลือกจะประสานไปตามขั้นตอนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ...อย่างน้อยก็จะได้มีหลักฐานยืนยันได้ว่าไม่ได้เจตนาให้ร้ายหรือต่อต้านหรือสนับสนุนอะไรใครโดยไม่ยอมรับรู้รับฟังอะไรที่ต่างกันเลย...จึงยอมเลือกไม่แคร์ไม่สนใจกับความคิดประเภทว่าหาทางดังหรือหวังลอเอียเพราะดีกว่าต้องใสเจียด้วยเพลียเพราะขาดหลักฐานเรื่องงานของคนเป็นครู....)

No comments:

Post a Comment