คนอวดดี มีสัญญา
ภาพประกอบคือผลจากการค้นภายใต้คำว่า หมาเมธี….ยังมีหลายอย่างที่ต้องทำต้องสะสางก่อนเปิดเรียนอีกครั้ง...แต่สุขภาพไม่ค่อยมั่น กลัวมันหมดเวลาก่อน…เลยต้องบันทึกความอวดดีไว้เพื่อบอกว่ายังไม่ลืมคำมั่นที่สัญญา …
...ผมได้ติดค้างการเขียนรายงานการวิจัยไว้เกิน 2 ปีแล้ว ...ได้ทำจริงทุกอย่างทุกขั้นตอนแต่เกิดข้อจำกัดต้องขอหมกรายงานฉบับสมบูรณ์ไว้...จะทำทีไรงานใหม่ก็มาดัน... มีข้อมูลจริง แต่เกิดมีปัญหาซ้อนเอกสารกระจัดกระจายและถูกฝนช่วยหมกเอาอีตอนซ่อมปรับปรุงบ้านเข้าให้อีก...โอ๊ย...รู้ๆๆๆว่าตูต้องแก้ไขแต่ด้วยเหตุหลายอย่างบวกมีงานอื่นแทรกตลอดแม้ผมยังไม่ลืมว่าต้องทำก็พลันใกล้เปิด….เฮ้อต้องรีบเขียนงานโครงการหนังสือเตรียมสอน...พอบอกเย็นๆทำทันฉันสัญญา...ไม่มีปัญหาตุนข้อมูลเพียบจับมาเสียบมาต่อพอทันทั้งงานวิจัยค้างพันปีบวกการสื่อสารกับภาษากับปัญหาเรื่องสีความดีความเลว แต่ไอ๊ยา....ดันผ่าเกิดรัฐประหาร?????กับเหตุการณ์ตัวอย่างการละเมิดสิทธิ์...ก็เลยต้องคิดว่า "เฮ้ย!ที่เคยคิดว่า...ไม่แคร์ไม่สนสีทนได้ขนาดเขาว่าบ้ายังฝ่ามานานไม่เห็นต้องสะท้านสุดท้ายก็ผ่านมาและผ่านไป...ความจริงคือความจริง" ....แต่พอคิดถึงคำว่า "คนดีปีกปปส"ผมก็เกิดอาการฝ่อ...ต้อเสียเวลาหาทางต่อท่อหาทางติดต่อท่านผู้มีอำนาจทั้งๆที่แน่ใจไม่งเคยทำผิดคิดจะชั่วจะอวดดีเลยจริงๆให้ดิ้นตายเถิดท่านทั้งหลาย..นายเมธีพูดเรื่องจริง...ท่านหญิงชายไม่ว่าอยู่ฝ่ายไหนอย่าคิดทำลายผมเลย...ช่วยผมทีแม้จะอวดดีและปากหมาบ้างก็อ้างความจริง
....ปัญหาการเมืองทำให้ต้องสับรางงานค้างอีกแล้ว...ทั้งๆที่ไม่เคยคิดเบี้ยวหรือลืมคำมั่นสัญญาไม่ว่าที่เคยให้ใคร....ได้สัญญากับพ่อแม่ไว้ว่าจะเป็นคนดีหรืออย่างน้อยก็ไม่เลวจนทำให้พ่อแม่ต้องเสียชื่อเสียง ความเป็นชาวนาจนๆที่หยิ่งในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่สุดแสนจะแอบดีใจได้เกิดมาเป็นคน…
แม่ผมพ่อผมบอก
ต้องไม่ลืมตน ลืมตัวลืมบ้านเกิด…อะไรคิดว่าดีว่าทำไปแล้วจะช่วยคนช่วยพัฒนาบ้านเราหรือประเทศได้ใครเห็นหรือไม่ไม่สำคัญ…ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว…อีกอย่างต้องสำนึกในหน้าที่และบทบาทของตน…รู้จักเตือนตนและเจียมตน..ขณะเดียวกันอย่าหัดไปดูถูกใครหรือคิดแต่อาศัยพึ่งพาคนอื่น…เขาจะได้ไม่มาดูถูกเรา…
พ่อแม่พี่ๆสอนผมมาผมก็คิดว่าได้ทำไปพอควรและไม่เคยลืมสัญญา…
นั่นก็เป็นเหตุหนึ่งที่ผมต้องลงทุนและแบ่งเวลาไปถมดิน ถมที่ รวมทั้งลงมือแบกหามเสาปูนจนหลังเดี้ยง…เสียงานเสียแผนบางส่วนไปอีกรอบ…แถมใช้ภาษาผิด บันทึกแจ้งเจ้านายไปได้ว่า ...
." นั่น" นานไม่ได้เลยไม่อาจไปร่วมพัฒนาองค์กร
....โชคดีนายผม (-ข่าวยังไม่ได้เช็คถูกเชิญไปรายงานตัว???เซ็นอนุมัติและอนุญาตให้ลาได้ และก็ตอนได้คืนนี่แหละนายเมธีครูบ้าที่ชอบเตือนคนอื่นให้ระวังการใช้ภาษาพลาดท่าเอง
แต่ผมก็รักษาสัญญา...บ้าก็ยอมรับ...โง่ในหลายเรื่องก็เป็นความจริง...ไม่เถียง...และหากผิดจริงผมไม่เกี่ยงและไม่คิดจะเลี่ยง...แม้ก้มกราบแทบเท้าเด็กนักศึกษาต่อหน้าศิย์คอ้เมธีนอื่นเกินห้าสิบผมก็ทำมาแล้ว...
เพราะแม้จะอวดดี อวดบ้าไปบ้างแต่ผมก็แค่คนธรรมดา...ยังไม่ใช่เทวดาหรือฟ้าประทานให้รู้แจ้งแทงตลอดจนเป็นยอดขุนพลแต่ประการใด
จึงต้องประกาศสารภาพผิดและบอกไว้ให้รู้ทั่วไปว่า
ที่ผมนั่นก็แค่นั่ง อย่าเพียงฟังแล้วคิดไกล...ตัดสินและมั่นเกินไปว่า ไอ้เมธี ไอ้ครูใจสกปรก...ลามก
......ที่เอ่ยถึงและพาดพิงใช่เกินเลย โดนฟ้องมาแล้วกับการพยายามให้นักศึกษาหัดตอบหัดคิดต่าง....
ผมได้บ้าและพลาดไปจริง...
ที่หลงแน่ใจไปว่า...ความจริงใจ จริงจัง จะสื่อได้ชัดทุกครั้งกับทุกคน...โดยเฉพาะระดับผู้ใหญ่..ระดับผู้มีการศึกษาด้วยกัน....หลังจากที่ได้พร่ำบอกมาตลอดว่า....
ครูเป็นคนจริงใจนะ...แม้จะบ้าบอไม่กลัวใคร...ทำอะไรแปลกๆไปบ้างแต่แน่ใจว่าไม่ประสงค์ร้าย...มีอะไรให้บอกให้ถาม....
....""
......เจอและจำฝังใจ...ชื่อเสียไม่เท่าไร....แต่เสียใจมากๆที่ให้ใจไปแต่ได้กลับคือความระแวง..และการแทงข้างหลัง....
.....เพราะนายครูเมธีอวดดี....มั่นใจเกินไปว่ามันมีหลายทางที่จะให้ความหมายของคำว่าเห็นหมีได้โดยไม่หยาบคาย....
ยอมรับผิดขอรับกระผม....ผ่านกระบวนการถูกสอบมาเรียบร้อย...เข้าใจ...และรับทราบตนเองมีส่วนผิดและทำอะไรล้ำไปในสังคมไทยๆๆครูๆๆๆแต่ก็เจ็บ....และช้ำ
....แต่ก็ยังอวดดี และพูดอย่างจริงใจ...คุ้มกับความจริงที่ได้เรียนรู้...เรื่องคน.....จนหลายครั้งที่ผมไม่ใส่ใจว่าคุณจะเป็นใครตัวอะไรใหญ่เล็ก...ผมพร้อมจะรักจะยกย่องอะไรก็ได้โดยไม่ใส่ใจหรือติดยึดที่ว่าจะหมาหรือคน....ในจุดที่เจ้าตนนั้นดีและเหนือกว่าจริง....ผมจึงไม่ยอมรับการดูถูกและจัดแบ่งสิทธิ์ริดรอนความคิดคนด้วยกัน ตามการศึกษา ตามที่มา หรือคำว่าสีว่าฝ่าย....มันทำร้ายใจตนเองเกินไป....
....ผมถามได้ไหมว่าผมผิดอย่างไร ที่มีความคิดแบบนี้ ทั้งๆที่ผมยอมรับว่ากลัวตาย กลัวปืน...
ที่กลัวสุดคือกลัวต่อการสูญเสียอิสระภาพ....
ที่เจ็บสุดคือการเหมือนถูกทำร้ายโดยคนที่เราเชื่อและมั่นใจว่าเขาเข้าใจเรา
.....ผมรู้เพราะเจอมาแล้ว...ผ่านมาแล้ว...
ความจริงอันหนึ่งคือผมเคยถูกแจ้งถูกจับเข้าไปรับการรักษาเยียวยาเพราะเขาเชื่อเขาตัดสินไปแล้วว่าเขารู้ดีกว่าผม
.....หนึ่งในคนกลุ่มนั้นคือพี่สาวผมเอง...เพราะเธอรักผมห่วงผม และเพราะเธอเป็นพยาบาลฯที่เจ็บสุดๆก็เพราะเธอเป็นพี่สาวที่ดีและเป็นคนดี...
สิ่งเหล่านี้...มันเป็นบทเรียนที่ล้ำค่าสำหรับผม...ผมไม่ได้โกรธเธอเลย...แต่ขัดใจอยู่บ้างว่ามันพลาดมาได้อย่างไร (ความจริงส่วนหนึ่งคือผมเชื่อใจในพลังของความจริงใจมากเกินไป....)
......ดังนั้นโปรดอย่ารีบตัดสินผมเร็วเกินไปว่าผมประชดหากผมได้พูดได้เขียนไปว่า เริ่มกลัวเริ่มเกลียดคนดีกปปส...
หลานสาวผมเองก็สนับสนุนกปปส...ไม่แน่ใจด้วยว่าเธอได้ร่วมบริจาคไปเท่าใด...
No comments:
Post a Comment