ขอ ระบายความอึดอัด ผ่านสื่อ ในบล็อคของตัวเองนะครับ.....ใช้เวลา และพลังงานไปกับเรื่องการสื่อสาร ค่อนข้างมาก ...รู้สึกเหนื่อยมากกว่าในสภาวะบ้านเมืองปกติเอามากๆ(ผมเองเกือบถึงขั้นเสียชีวิตเพียงเพราะพยายามจะสื่อสาร) เพราะ ทั้งๆที่แน่ใจว่า ไม่ได้มีเจตนามุ่งร้ายใดๆ ต่อชาติหรือฝ่ายใด สีใด เพียงเพราะไม่เห็นด้วยกับการล้มการเลือกตั้ง และรัฐประหารตั้งแต่แรก และแม้จะพอจะเข้าใจและรับได้ว่า ทหารหลายคนก็หวังดีต่อชาติเช่นกัน แต่ก็มีความเห็นต่างกับวิธีการ หลายอย่างที่รัฐบาลทหารกำลังดำเนินการ เช่น การสื่อสารตอบข้อสงสัย การจัดการเอาผิดแต่ละฝ่ายที่ทำให้ไม่แน่ใจว่า ฝ่ายสุเทพ มีอภิสิทธิ์หรือไม่ เพราะหลายเรื่อง เช่นกรณีสร้างโรงพัก กรณีข่าวการเชิญตัวนักศึกษาฯ กรณีห้ามการประชุมสัมมนาในบางครั้ง อันนี้จริงๆก็ไม่ได้บอกว่าทหารทำผิดไปหมด เพราะหลายอย่างปัญหาคือข้อมูลแต่ละฝ่ายบางทีมันขัดแย้งกัน ที่สำคัญเมื่อเกิดความสงสัย ความไม่แน่ใจ จะถามจะทักอะไรก็ต้องคิดแล้วคิดอีก ว่า ฝ่ายผู้มีอำนาจจะเข้าใจหรือตีความเจตนาผิดหรือไม่ ยิ่งเห็นผู้ใหญ่ แสดงความหงุดหงิดเวลานักข่าวถามไม่ถูกใจ ก็ยิ่งไม่สบายใจ อีกด้านหนึ่ง คนรอบตัว ก็มองว่า ผมไปยุ่งกับการเมือง และไม่รู้จักปล่อยวาง ทั้งๆที่ผมเองก็ไม่ได้มุ่งจะไปวุ่นวายอะไร อยากทำหน้าที่ของตนเองไป แต่ก็เพราะ ความเป็นครู และแถมด้วยข้อเท็จจริงที่ว่า วิชาหลักอันหนึ่งที่สอนคือวิชาที่ว่าด้วย ภาษาและการใช้ภาษา อันมีเหตุและปัจจัยจากสังคม ผมจึงต้องเกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมนี้ บ้านนี้เมืองนี้ ครั้นจะหลับหูหลับตา ไม่พูดไม่เอ่ยถึง มันก็เหมือนกับการไม่ทำหน้าที่บอก หน้าที่สอนให้นักศึกษา รู้จักแยกแยะ ในการรับข้อมูลสื่อสาร พอไปแตะไปต้องไปพูดถึง แล้วเห็นข่าวท่านผู้นำท่าน แสดงอาการเก็บอารมณ์ไม่ค่อยอยู่ ผ่านข่าวทางทีวีบ้าง หนังสือพิมพ์บ้าง ความที่เป็นเพียงครูตัวน้อยๆ ก็อดวูบวาบไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อมีท่าที มีการสื่อออกมาจากฝั่งที่เรียกตัวเองว่าดี ว่า "คนที่อึดอัด คนที่เรียกร้องโหยหาประชาธิปไตย โดยการแสดงความต้องการให้มีเลือกตั้งโดยเร็ว นั้น มีแต่พวก ไม่สุจริตใจหรือไม่ก็ถึงขั้นชื่นชอบได้รับผลประโยชน์จากทักษิณ" อีก ....มันก็เหนื่อยใจ อดคิดไม่ได้ว่า " หากผู้ใหญ่ คนชั้นผู้นำในสังคม เป็นตัวอย่าง ในการรับสาร การตัดสินแบบเหมารวมแบบนี้ เราจะหวังจะหาความปรองดองในชาติได้อย่างไร ."....คนที่เป็นครูจะเฉยจะไม่พูดถึงเลย มันถูกเหรอ ...จริงๆแล้ว มันควรจะช่วยเตือนสติกันด้วยซ้ำหรือเปล่าว่า การสื่อการรับสาร มันต้องใช้สติ และปัญญา อย่าเป็นแบบที่ไม่น่าจะถูกต้อง แบบนั้นแบบนี้ เพราะมันสามารถนำไปสู่ความแตกแยกได้....แต่คนที่ไม่ยอมรับฟัง ไม่อยากให้ยุ่งก็บอกอีกว่าจะไปวุ่นวายกะเขาทำไม.....จนผมสงสัย ว่าการทำหน้าที่ครู ในยุคนี้สมัยนี้ มันจะเอาอย่างไรกํนแน่ การแสดงความคิดเห็นโดยบริสุทธิ์ใจ ยังทำได้หรือไม่ ขณะที่มีการพูดว่าทำได้ แต่จะเอาอะไรมาเป็นหลักประกัน ว่า จะไม่ถูกตัดสินอะไรง่ายๆ จากฝ่ายผู้มีอำนาจ....ซึ่งการคิดแบบนั้นก็เหมือนกับไปว่าฝ่ายรัฐบาลทหารว่า ใช้แต่อำนาจ ไม่ใช้เหตุผล ซึ่งมันก็ไม่ใช่ เพราะก็มีหลายอย่างที่เขาใช้เหตุผล หลายกรณี เช่นการเอาผิดคนที่มีอำนาจอิทธิพลที่ใช้อำนาจทำผิดกฏหมาย มันก็มี ....แต่พอจะเชื่อจะแสดงความคิดไปตรงๆ ก็มีข่าวมีภาพให้เห็นเหมือนกันว่า บางที ฝ่ายผู้มีอำนาจก็อาจใช้อำนาจมากเกินไป และผู้เกี่ยวข้องบางรายก็ไม่มีโอกาสชี้แจงหรือไม่....ความสับสน คำถามเหล่านี้ มันกลับไปกลับมา...ปัญหากลายเป็นว่า กับคนเลว คนชั่วที่รู้แล้วว่าเลวว่าชั่ว ยังพอจะสรุปได้ว่า จะสื่อสารด้วยได้หรือไม่ แต่ที่กลัวใจกลายเป็นคนดีที่เข้ามาสู่ตำแหน่งสู่อำนาจด้วยกำลัง ด้วยการสนับสนุนของกลุ่มคนที่เรียกตนเองว่ามวลมหาประชาชนกลุ่มคนดีที่รักชาติ รักความเป็นธรรมเสียนี่..... เพราะความต้องการที่จะทำอะไรโดยเปิดเผย และเพราะต้องการให้แน่ใจว่าฝ่ายทหาร ได้รับรู้ ได้เข้าใจว่า สิ่งที่ผมพูด ผมเขียน และหรือจะเขียนจะทำนั้น ทั้งหมด เป็นเชิงวิชาการ และด้วยเจตนาดีต่อสังคมเช่นกัน ผมจึงได้เขียนจดหมายเรียนท่าน พลเอกประยุทธ โดยตรง รวมทั้งเข้าไปพบและชี้แจงกับทหารที่ค่ายทหารด้วยตนเอง และก็ต้องขอบคุณที่ทางทหารรับฟัง และแจ้งว่าผมสามารถจะดำเนินการได้หากแน่ใจว่าไม่ได้มีเจตนาแอบแฝง....แต่ผ่านมาเป็นปี ทำไม ผมยังไม่สบายใจ และยังสื่อสารกับคนดีไม่สำเร็จไม่ทราบ...บางทีผมอาจผิดหรือระแวงมากไป....แต่มีกี่คนดีๆมือเปล่ากี่คนครับที่ไม่กลัวอำนาจเด็ดขาด ไม่กลัวผู้มีอาวุธในมือทั้งๆที่ตนเองมีเจตนาดี และไม่เกี่ยวกับนักการเมืองฝ่ายใดนี่แหละ ก็ขนาดแค่ขอให้น้องๆให้ความเห็นเรื่องปก เรื่องภาพ ของหนังสือที่ผมจะเขียน หลายคนยังกลัวถึงขนาด ไม่กล้าแม้เพียงจะให้ความเห็นใดๆเลย ทั้งหมดคือเรื่องจริงที่ผมพบและเจอมา จนเป็นที่มาของสิ่งที่ผมเขียนและสื่อนี้....ท่านผู้อ่านคิดจริงๆหรือครับว่า ที่ผมอึดอัด ที่ผมเหนื่อยจน หาทางระบายมานี่ เพราะผมเป็นพวกคนไม่ดี (ดูเหมือนพุทธอิสระ เป็นอีกท่าน ที่มีข่าวว่าให้ความเห็นในทำนองว่า คนดีๆ เขาล้วนสบายใจสุขใจกับการที่มีรัฐบาลทหารรักษาความสงบของชาติในปัจจุบัน)
ประวิติศาสตร์บอกเล่า เหล่าเสือโก้ก
-
หลังจากเริ่มเสนอโครงการมาตั้งแต่ประมาณปี 52
จากนั้นก็เก็บข้อมูลโดยการสอบถามพูดคุยผุ้เฒ่าผู้แก่และสมาชิกในชุมชนตามโอกาสมาเรื่อยๆ
และเมื่อได้รับงบสนับสนุน...
12 years ago
No comments:
Post a Comment